5 ประเด็นสำคัญจากรายงาน ‘Spotlight on the Female Market’ ของ Deloitte

Date:

รายงาน ‘Spotlight on the Female Market’ ของ Deloitte ร่วมมือกับ Watch Femme ได้ทำให้แบรนด์ต่าง ๆ หยุดเดาเอาเองและเริ่มมีส่วนร่วม

หลังจากอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมนาฬิกาอย่างกว้างขวางมาเป็นเวลา 15 ปี คุณคงคิดว่าฉันจะรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน แต่ความจริงก็คือ โลกของนาฬิกายังคงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับผู้หญิง รสนิยมของเรา ความรู้เชิงเทคนิคของเรา แม้แต่เสียงจากการสนทนาของเรา ทั้งหมดนี้ให้ความรู้สึกว่าถูกมองข้าม เหมือนกับว่าเรากำลังไปเที่ยวผับของคนอื่น แม้มันจะมีความละเอียดอ่อนกว่าเมื่อทศวรรษที่แล้ว แต่กระแสแฝงก็ยังคงอยู่

โดยสร้างกรอบขึ้นอย่างเงียบ ๆ ว่า อะไรคือ “สำหรับเรา” และอะไร “ไม่ใช่” ดังนั้นเมื่อ 3 ปีที่แล้วซึ่งผู้หญิง 3 ท่านที่ฉันชื่นชม คือ Suzanne Wong ผู้สามารถพูดคุยเกี่ยวกับนาฬิกาได้อย่างลึกซึ้งและแม่นยำอย่างกับเป็นช่างทำนาฬิกา Laetitia Hirschy ผู้เป็นพลังขับเคลื่อนด้านประชาสัมพันธ์ และ Nathalie Veysset ที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์และผู้ก่อตั้ง Communiteezer ที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ร่วมกันเปิดตัวชุมชนแห่งแรกที่อุทิศตนให้แก่การขยายเสียงของผู้หญิงในวงการนาฬิกา ก็ทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นมาก

นี่คือแพลตฟอร์มที่ให้ผู้หญิงในพื้นที่นี้เปล่งเสียงจากทั่วโลกให้ได้ยินกัน และในที่สุดเราก็สามารถแบ่งปันสิ่งที่เรารู้สึกอันเกี่ยวกับงานอดิเรกที่น่าดึงดูดใจไม่รู้จบได้ พูดตรง ๆ ก็คือ ค่อนข้างเป็นการตัดสินจากภายในของเหล่าผู้หญิง ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้นมานานแล้ว พูดตรง ๆ ได้ว่า มันเป็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง

หากคุณต้องเลือกช่วงเวลาสำคัญเพียงช่วงเดียวในโลกของชุมชนออนไลน์ ก็เป็นการยากที่จะโต้แย้งกับการเติบโตของ Watch Femme ซึ่งเริ่มต้นจากแพลตฟอร์มสำหรับผู้หญิงในการพูดคุยเกี่ยวกับนาฬิกาอย่างอิสระจนกลายเป็นกระแสหลักในการสนับสนุนนาฬิกาที่ไม่ระบุเพศ การเสริมพลังให้กับผู้หญิง การให้คำปรึกษา และอื่น ๆ อีกมากมาย

ในปีนี้ Watch Femme ได้ก้าวไปอีกขั้นด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรกับ Deloitte เพื่อเผยแพร่ ‘Spotlight on the Female Market’ ซึ่งเป็นผลการศึกษาที่ดำเนินการผ่านการสำรวจและสัมภาษณ์เหล่าผู้นำในอุตสาหกรรม ผู้ค้าปลีก และนักสะสม ในระหว่างเดือนสิงหาคมและกันยายน 2024 ซึ่งเผยให้เห็นข้อมูลเชิงลึกที่น่ายินดีบางประการ ทั้งยังเน้นย้ำถึงความเป็นจริงที่น่ากังวลด้วย นั่นก็คือ อุตสาหกรรมนาฬิกาที่ดูเหมือนจะติดอยู่ในวัฎจักรที่ยากจะทำลายได้

ในขณะที่ยอดขายทั่วโลกลดลง จึงเป็นความชัดเจนแล้วว่าแนวทางใหม่ในการมีส่วนร่วมกับผู้หญิงนั้นได้เกิดขึ้นแล้ว แต่หากไม่มีผู้หญิงดำรงอยู่ในตำแหน่งที่มีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงน้้น เราจะคาดหวังความก้าวหน้าใด ๆ ได้จริงหรือ

“เราก่อตั้ง Watch Femme ขึ้นในปี 2021 ดังนั้นเราจึงดำเนินกิจการมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าจะนานพอสมควร แต่ที่จริง 3 ปีนั้นสั้นมากสำหรับโลกของนาฬิกา เรามักจะระมัดระวังต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

เพราะในอุตสาหกรรมนี้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเร็วเกินไปมักจะไม่คงอยู่ และคุณสามารถเห็นได้จากโครงสร้างของตัวอุตสาหกรรมเอง นอกจากนี้ ฉันยังลังเลที่จะบอกว่า Watch Femme น้้นอยู่ที่นี่เพื่อเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ แม้ว่าเราต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างแรงกล้าก็ตาม

ในทางกลับกัน ฉันอยากจะบอกว่าเราจัดเตรียมจุดติดต่อบางอย่างสำหรับผู้คนที่ต้องการเห็นการนำเสนอของผู้หญิงในโลกแห่งนาฬิกามากขึ้น ซึ่งไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงในตัวเอง แต่เป็นช่องทางสำหรับการเปลี่ยนแปลง หากคุณเข้าใจในสิ่งที่ฉันกำลังหมายถึง” Suzanne Wong ผู้ร่วมก่อตั้ง Watch Femme กล่าว

“การที่มีองค์กรอย่าง Watch Femme ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะมีผู้คนจำนวนมากที่เชื่อว่าผู้หญิงสามารถมอบสิ่งดี ๆ ให้กับนาฬิกาได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้บริโภคหรือเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรม การรู้ว่าคุณไม่ได้คิดแบบนั้นเพียงคนเดียวนั้น เป็นแรงผลักดันที่ทรงพลังสำหรับพวกเราหลายคน แม้ว่าสิ่งต่าง ๆ อาจดูไม่ต่างจากเมื่อ 3 ปีก่อน แต่ความรู้สึกของพวกเขานั้นเกิดความแตกต่างขึ้นแล้ว

รายงานนี้ถือเป็นความพยายามที่ครอบคลุมที่สุดในการสำรวจโลกของผู้บริโภคนาฬิกาที่เป็นผู้หญิง โดยรวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากการสำรวจผู้บริโภคทั่วไป 6,000 รายในสวิตเซอร์แลนด์ และตลาดส่งออกที่สำคัญโดย Deloitte ควบคู่ไปกับการสำรวจผู้บริโภคและผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโดย Watch Femme อีก 107 รายจาก 13 ประเทศ ซึ่งรวมถึง แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ ฮังการี อินเดีย อิตาลี มาเลเซีย สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ

“ฉันหวังว่ารายงานของเราจะสามารถระบุได้ว่า ไม่มีคำตอบที่แท้จริงสำหรับคำถามที่ว่าผู้หญิงต้องการอะไรในนาฬิกาสักเรือน ซึ่งเป็นคำถามที่ตอบยาก เพราะคุณกำลังพยายามสรุปเอาเองเกี่ยวกับประชากรครึ่งหนึ่งของโลก ผู้หญิงคนเดียวกันอาจมีทั้งรองเท้า Air Jordan และ Christian Louboutins

ในคอลเลกชั่นรองเท้าของเธอ หรือมีทั้งกางเกงยีนส์หลวม ๆ และชุดราตรีในตู้เสื้อผ้าของเธอ เราควรสันนิษฐานว่ารสนิยมของเธอในการเลือกซื้อนาฬิกาก็กว้างพอ ๆ กัน สิ่งที่ผู้อ่านจะพบในรายงานของเราก็คือ ข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยให้พวกเขาสามารถมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคนาฬิกาที่เป็นผู้หญิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาประเภทหรือสไตล์ใดก็ตาม” Wong กล่าว

ต่อไปนี้ คือ ประเด็นสำคัญจากรายงาน

แนวโน้มการออกแบบที่เปลี่ยนแปลงไป นาฬิกาแบบไม่จำกัดเพศ นาฬิกาแบบวินเทจ และนาฬิกาแบบจักรกล

โลกแห่งนาฬิกากำลังเปลี่ยนแปลงไปโดยมีผู้หญิงจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่หันมาสนใจนาฬิกาดีไซน์สไตล์วินเทจและสไตล์แบบไม่จำกัดเพศ ในปี 2022 ผู้บริโภคที่เป็นผู้หญิง 44% ชอบนาฬิกาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ในขณะที่ 26% ชอบนาฬิกาสไตล์ไม่จำกัดเพศ

ตลาดอย่างในฮ่องกง (42%) และญี่ปุ่นกับอิตาลี (ตลาดละ 30%) กำลังให้การต้อนรับนาฬิกาสไตล์อเนกประสงค์แบบยูนิเซ็กซ์เหล่านี้ เพราะให้ความรู้สึกถึงความทันสมัยและเป็นอิสระ “ฉันคิดว่านาฬิกาทุกเรือนจะเป็นแบบไม่จำกัดเพศไปโดยปริยาย” Brynn Wallner ผู้ก่อตั้ง Dimepiece ให้ความเห็นเอาไว้

“อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกราวกับว่าแบรนด์ต่าง ๆ จำนวนมากได้ใช้ ‘ยูนิเซ็กซ์’ เป็นป้ายบอกทางในการ ‘พ้นโทษ’ โดยการปิดป้ายนาฬิกาทุกเรือนว่าเป็นยูนิเซ็กซ์ แม้กระทั่งนาฬิกาที่ตั้งใจออกแบบมาสำหรับกลุ่มประชากรกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง (เช่น ผู้ชาย) บางแบรนด์อาจมองว่าการออกแบบนาฬิกาสำหรับผู้หญิงนั้นไม่สำคัญและไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้อง

ทำไมต้องเสียเวลาออกแบบนาฬิกาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ในเมื่อในทางเทคนิคแล้ว พวกเขาสามารถสวมใส่นาฬิกาสำหรับผู้ชายได้ ฉันสนับสนุนการแต่งกายแบบไม่แบ่งเพศ แต่ไม่ต้องการให้ผู้หญิง (และลูกค้าที่มีแนวโน้มของความเป็นผู้หญิงมากกว่า) ถูกมองข้ามในการสนทนาในเรื่องเกี่ยวกับการออกแบบ”

Spotlight on the Female Market’ ของ Deloitte

ผู้หญิงยังเป็นแรงผลักดันความต้องการในนาฬิกาชนิดจักรกลที่มีกลไกซับซ้อนซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อข้อมือขนาดเล็กด้วย Ilaria Resta ซีอีโอ ของ Audemars Piguet คาดการณ์ว่าภายในปี 2030 ผู้หญิงอาจคิดเป็น 45% ของผู้ซื้อนาฬิกาชนิดจักรกล “ผู้หญิงหันมาสนใจนาฬิกาชนิดจักรกลมากขึ้น อุตสาหกรรมนี้เผชิญกับความท้าทายที่น่าสนใจในการทำให้นาฬิกามีขนาดเล็กลง” Resta กล่าวไว้ในรายงาน

ในอดีต ผู้หญิงมักถูกตัดสินโดยปริยายว่า พวกเธอให้ความสำคัญกับการออกแบบมากกว่าความซับซ้อนทางเทคนิค ราวกับว่าการชื่นชมความสวยงามอาจบั่นทอนความเข้าใจเกี่ยวกับนาฬิกาของพวกเธอ แต่ในปัจจุบัน นักสะสมที่เป็นผู้หญิงได้แสดงให้เห็นว่าพวกเธอให้ความสำคัญกับทั้งสไตล์และสาระสำคัญของนาฬิกา

โดยผสมผสานสายตาที่เฉียบแหลมในการออกแบบเข้ากับความเคารพในงานฝีมือ ดังที่ H. Jane Chon ทนายความและนักสะสมที่อาศัยอยู่ในนิวยอร์กกล่าวไว้ว่า “ฉันชอบนาฬิกาบางเรือนเพราะดีไซน์เท่านั้น แต่บางเรือนก็ชอบในเรื่องของกลไกเท่านั้น ชิ้นงานที่ผสมผสานทั้ง 2 อย่างเข้าด้วยกันได้อย่างสวยงามนั้นเป็นสิ่งหายาก และฉันเชื่อว่าผู้หญิงจะถูกตัดสินในเชิงลบเพียงเพราะเลือกนาฬิกาจากเรื่องของดีไซน์เท่านั้น”

สำหรับ Chon แล้ว การออกแบบไม่ว่าจะเป็นตัวเรือน การจัดวางหน้าปัด และการประกอบกลไก ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของเธอมาโดยตลอด “ฉันไม่เชื่อว่าการออกแบบและความสามารถของกลไกนั้นแยกออกจากกันไม่ได้ แม้ว่าส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากกว่ากันก็ตาม

ปัจจุบัน ฉันพบว่าตัวเองถูกดึงดูดไปที่การออกแบบในส่วนที่เล็กลงและอยู่เหนือกาลเวลามากกว่า แต่ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การออกแบบที่ดีเท่านั้น เพราะดีไซน์ที่ดีก็คือดีไซน์ที่ดี โดยไม่คำนึงถึงเรื่องขนาดหรือน้ำหนักเท่าใดนัก”

มุมมองของ Chon ได้สะท้อนถึงทัศนคติที่เปลี่ยนแปลงไปในหมู่นักสะสมที่เป็นผู้หญิงซึ่งต้องการนาฬิกาที่มีความผสมผสานของสุนทรียศาสตร์กับกลไก สิ่งนี้กระตุ้นให้อุตสาหกรรมตระหนักถึงรสนิยมอันละเอียดอ่อนของพวกเธอ “แบรนด์ต่าง ๆ ควรทำอะไรมากกว่าการเพิ่มอัญมณีลงบนนาฬิการุ่นสำหรับผู้ชายที่มีอยู่แล้ว

การแนะนำดีไซน์ดั้งเดิมที่สะท้อนรสนิยมและไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงโดยยังคงความซับซ้อนของกลไกเอาไว้ จะสามารถสะท้อนให้เห็นได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น” นี่คือคำกล่าวของ Akriti Madan หัวหน้าฝ่ายการตลาดและการสื่อสารของ Johnson & Co. ประเทศอินเดีย

“การร่วมมือกับผู้หญิงผู้เป็นที่ยอมรับนับถือและเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับงานฝีมือ ช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ เปลี่ยนมุมมองได้ โดยพวกเขาได้สร้างชิ้นงานแบบผลิตจำนวนจำกัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากหญิงผู้เป็นสัญลักษณ์ในประวัติศาสตร์ หรือจากการร่วมมือกับบรรดาศิลปินหญิง ทำให้ผลงานแต่ละชิ้นดูน่าสะสมและมีลักษณะไม่ซ้ำใคร”

นาฬิกาเป็นเครื่องประดับแฟชั่นและเป็นเครื่องประดับชิ้นสำคัญ

ในช่วงปีที่ผ่านมา Taylor Swift ไม่ได้แค่ขึ้นอันดับสูงในชาร์ตเพลงต่าง ๆ เท่านั้น แต่เธอยังปรับเปลี่ยนสไตล์ของนาฬิกาที่เธอสวมใส่อีกด้วย ในงานแกรมมี เธอสามารถดึงดูดสายตาผู้พบเห็นด้วยการนำเครื่องประดับคลาสสิกมาปรับให้เข้ากับยุคสมัย นั่นก็คือ นาฬิกาวินเทจของ Concord ที่นำมาปรับใหม่ให้กลายเป็นสร้อยคอแบบโช้กเกอร์

นาฬิกาของเธอถูกประดับเพชรถึง 300 กะรัต โดยฝีมือของ Lorraine Schwartz ซึ่งทำให้ผู้คนต่างหลงใหลในแฟชั่นการแต่งกายขณะเดินบนพรมแดงมากยิ่งขึ้น แม้ว่า Rihanna และ Emma Chamberlain จะเป็นผู้จุดประกายให้กับเทรนด์นี้เมื่อปีที่แล้ว แต่การแสดงออกของ Swift ได้จุดประกายเทรนด์นี้ขึ้นมาอย่างเด่นชัด โดยสร้างแรงบันดาลใจให้กับทั้งเหล่า Swifties และผู้ที่หลงใหลในสไตล์การแต่งตัว

จากนาฬิกาในรูปแบบแหวนไปจนถึงสร้อยคอ ได้ทำให้นาฬิกากำลังเป็นกระแสนิยมในวงการแฟชั่นและโซเชียลมีเดีย Lana Del Ray สวมนาฬิการุ่น Première Sound ของ Chanel ในรูปแบบของสร้อยคอเพื่อแสดงถึงความสามารถในการปรับเปลี่ยนนาฬิกาให้มีรูปแบบต่าง ๆ ได้

“เราไม่สามารถปฏิเสธพลังของผู้ที่มีชื่อเสียงได้ และฉันรู้สึกว่านาฬิกาขนาดเล็กได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งสำหรับผู้ชายและผู้หญิง แบรนด์ต่าง ๆ จึงเริ่มให้ความสำคัญกับนาฬิกาเหล่านี้มากขึ้น โดยไม่เพียงแต่ในการประชุมเพื่อการออกแบบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสนทนาในทางการตลาดและการประชาสัมพันธ์ด้วย” Wallner ผู้ก่อตั้ง Dimepiece กล่าว

“ลองดูจากที่ Paul Mescal สวมใส่นาฬิกา Cartier Baignoire เรือนเล็กจิ๋วเป็นตัวอย่างได้ มันเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นที่ได้เห็นแบรนด์แอมบาสเดอร์สวมนาฬิกาที่แหวกขนบธรรมเนียมสมัยใหม่ เพราะผู้คนเหล่านั้นในยุคอดีตได้เคยสวมใส่นาฬิกา Baignoire ในยุค 60s และ 70s กันมาแล้ว”

Wallner เน้นย้ำว่าแบรนด์ต่าง ๆ จะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบที่นอกเหนือไปจากในอุตสาหกรรมนาฬิกา “จ้างนักออกแบบและที่ปรึกษาที่เป็นผู้หญิงให้มากขึ้น … จ้างฉันสิ” เธอพูดติดตลก โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีมุมมองที่เชื่อมโยงกับเทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่กว้างขึ้น

เธอตั้งข้อสังเกตว่า นาฬิกาที่เป็นผลมาจากส่วนผสมของเครื่องประดับและนาฬิกาอย่างของ Cartier และ Bulgari นั้นโดดเด่นในแง่ของการสร้างสรรค์ผลงานที่ผสมผสานทั้งความเป็นศิลปะและการใช้งานเข้าด้วยกัน “พวกเขาสามารถใช้ความรู้ของช่างทำเครื่องประดับเพื่อประดิษฐ์นาฬิกาแบบสร้อยข้อมือที่สวยงามยามสวมใส่อยู่บนข้อมือ” นี่เป็นความสำเร็จที่แบรนด์ซึ่งเป็นนาฬิกาเพียงอย่างเดียว ยากที่จะสามารถกระทำได้

สมาร์ทวอทช์ และการเติบโตของเทคโนโลยีในการทำงานของนาฬิกา

รายงานของ Deloitte เผยว่าสมาร์ทวอทช์ได้ครองใจเหล่าคนเจเนอเรชั่นใหม่ ๆ ไปแล้ว โดยผู้หญิงในรุ่นมิลเลนเนียลถึง 40% และคนรุ่นเจน Z ถึง 33% นิยมใช้อุปกรณ์ดิจิตอลเหล่านี้ แต่อีกเรื่องที่น่าสนใจก็คือ ผู้หญิงรุ่นเจน Z ถึง 30% นั้นไม่สวมใส่นาฬิกาเลย เมื่อเทียบกับตัวเลขเพียง 16% ของคนรุ่นมิลเลนเนียล

ในขณะที่คนในประเทศต่าง ๆ เช่น จีนและอินเดียเห็นถึงการผสมผสานของสมาร์ทวอทช์กับนาฬิกาจักรกล แต่สมาร์ทวอทช์กลับครองตลาดในฮ่องกง สิงคโปร์ และยุโรป อย่างไรก็ตาม ในสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสวิตเซอร์แลนด์นั้น หญิงรุ่นเยาว์จำนวนมากก็ไม่สวมใส่นาฬิกากันเลย นี่เป็นการบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ในเรื่องวิวัฒนาการของนาฬิกา

โดยมีหญิงรุ่นเยาว์ไม่ถึง 1 ใน 5 คน ที่เลือกสวมนาฬิกาแบบคลาสสิก โลกของนาฬิกาจึงมีโอกาสใหม่ ๆ เกิดขึ้นได้ นั่นก็คือ จะสามารถดึงดูดความสนใจของนักสะสมที่เป็นผู้หญิงเจเนอเรชั่นต่อไปได้อย่างไร

Spotlight on the Female Market’ Deloitte
Spotlight on the Female Market’ Deloitte

Wong กล่าวว่า “เมื่อ Apple เปิดตัวนาฬิกาที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้เป็นครั้งแรกในปี 2015 ก็เกิดการคาดเดาว่านาฬิกานี้จะช่วยดึงดูดคนรุ่นใหม่ให้หันมาสวมใส่นาฬิกาได้ เนื่องจากคนรุ่นใหม่เหล่านี้จะคุ้นเคยกับการใช้อุปกรณ์บนข้อมือแทนการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้ได้ ตรรกกะนี้ยังคงใช้ได้ เพราะถึงแม้ว่าปัจจุบันผู้หญิงจะชอบสวมใส่นาฬิกาสมาร์ทวอทช์มากกว่า แต่สมาร์ทวอทช์ก็ยังเป็นโอกาสให้สามารถเปลี่ยนมาใช้นาฬิกาแบบอื่นได้ตามสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม”

เธอยังกล่าวอีกว่า “ผู้บริโภคนั้นมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยแวดล้อม โดยเฉพาะผู้หญิง หากเราต้องการให้มีผู้หญิงเข้ามาสู่ในวงการนาฬิกาชั้นเลิศมากยิ่งขึ้น เราก็ต้องทำให้วงการนี้กลายเป็นพื้นที่ที่น่าดึงดูดสำหรับพวกเธอ เราจึงพยายามไม่กำหนดกฎเกณฑ์ที่ตายตัวเกินไปในรายงาน เพราะไม่จำเป็นต้องมีหน้าที่ในการบอกอุตสาหกรรมนาฬิกาว่าควรดึงดูดใจผู้หญิงอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ได้ระบุจุดเริ่มต้นไว้หลายจุดสำหรับการมีส่วนร่วมที่มีคุณภาพสูงกับผู้บริโภคนาฬิกาที่เป็นผู้หญิง”

การขาดการเป็นตัวแทนและความไม่เท่าเทียมกันด้านค่าจ้างในอุตสาหกรรมนาฬิกา

Wallner กล่าวว่า ในอุตสาหกรรมนาฬิกาของสวิส มีแรงงานเป็นผู้หญิงถึงประมาณ 43% แต่พวกเธอยังมีส่วนร่วมในระดับผู้นำไม่เพียงพอ และช่องว่างของค่าจ้างระหว่างเพศก็ยังคงมีอยู่ โดยข้อมูลของ Unia ระบุว่า ผู้หญิงได้รับค่าจ้างน้อยกว่าผู้ชายถึง 24.8% ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็ยังมีความหวังในอนาคต

เมื่อผู้หญิงก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่มีอาวุโสมากขึ้น “เป็นเรื่องดีที่ได้เห็นผู้หญิงดำรงตำแหน่งผู้นำมากขึ้น เช่น Ilaria กับ Ginny ที่ Audemars Piguet และ Catherine ที่ Jaeger-LeCoultre นี่คือจุดเริ่มต้น และฉันหวังว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะปูทางให้กับคนอื่น ๆ ต่อไป” การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้บ่งชี้ถึงวิวัฒนาการที่ช้าแต่ก็มีแนวโน้มที่ดีในอุตสาหกรรมนี้

อิทธิพลของแบรนด์ ความอ่อนไหวต่อราคา และการคิดใหม่เกี่ยวกับการโฆษณา

เมื่อพูดถึงความภักดีต่อแบรนด์ หญิงในอินเดีย 68% และหญิงในจีน 60% นั้นมีความจริงจังในธุรกิจนี้ โดยถือว่าชื่อเสียงเป็นอันดับแรกสุดในเช็คลิสต์ของพวกเธอ แต่ในระดับโลกนั้น สิ่งสำคัญสุดก็คือ รูปลักษณ์ โดย 55% ของคนรุ่นเจน Z บอกว่า หากรูปลักษณ์ไม่สวยงามโดนใจ พวกเธอก็จะไม่สนใจ

“หญิงในอินเดียชอบนาฬิกาที่ผสมผสานความหรูหรา สถานะ และความหลากหลาย ลองนึกถึงนาฬิการะดับไอคอนอย่าง Cartier Tank หรือ Chopard Happy Sport ดูสิ” Akriti กล่าว และเธอยังเสริมอีกว่า “นาฬิกาที่มีรูปลักษณ์เหมือนเครื่องประดับ อย่างอัญมณีล้ำค่า หน้าปัดเปลือกหอยมุก หรือสายข้อมือโลหะที่หรูหรา เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจผู้หญิงอินเดียเป็นอย่างมาก”

“พวกเขาต้องการชิ้นงานที่เข้าคู่กับเสื้อผ้าประจำชาติและเสื้อผ้าสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ผู้หญิงหลายคนในอินเดียซื้อเครื่องประดับในฐานะเป็นการลงทุนหรือเป็นมรดกตกทอด การวางตำแหน่งนาฬิกาหรูให้เป็นการลงทุนในลักษณะนี้ หรือเป็นสิ่งที่สามารถส่งต่อจากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่งได้ ก็สามารถสร้างความเคารพนับถือได้ด้วย”

Spotlight on the Female Market’ Deloitte
Spotlight on the Female Market’ Deloitte

ในขณะเดียวกัน 40% ของผู้หญิงทั่วโลก ชอบนาฬิกาที่มีราคาต่ำกว่า 5,000 ดอลลาร์ แม้ว่าร้อยละ 85 จะรู้สึกว่า โฆษณาในปัจจุบันไม่ได้ตอบโจทย์ของพวกเธอก็ตาม และ 34% สำหรับผู้หญิงที่มีอายุน้อยกว่า ต้องการเห็นการตลาดที่ไม่มีการแบ่งแยกเพศมากนัก

“ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในโลกเรือนเวลาสุดล้ำได้ที่ Revolution Thailand แหล่งรวมแรงบันดาลใจสำหรับนักสะสมนาฬิกาตัวจริง”

โดย Neha S Bajpai

Share post:

More like this

Past/Present/Future บทสนทนาว่าด้วยอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของ URWERK

บทสนทนาระหว่าง Revolution Thailand กับ Martin Frei ผู้ร่วมก่อตั้ง URWERK ทุกครั้งที่ได้เห็นเรือนเวลาหน้าตาราวกับยานอวกาศ ที่สามารถพาเราท่องไปทั้งในโลกแห่งอดีตและอนาคตได้อย่างน่าอัศจรรย์...

ทำความรู้จัก Lederer แบรนด์นาฬิกาอิสระโดย Bernhard Lederer ปรมาจารย์ด้าน escapement

Bernhard Lederer ช่างนาฬิกาผู้ชำนาญด้าน escapement และต่อยอดความฝันของ Georges Daniels ให้กลายเป็นจริงผ่านเรือนเวลา CIC

ทำไมผู้ผลิตนาฬิกาของ Richemont จึงเตรียมพร้อมสำหรับปี 2026 ที่สดใสยิ่งขึ้น

เมื่อความหรูหราของเครื่องประดับนำทางสู่ความรุ่งโรจน์ของธุรกิจนาฬิกา Richemont วางกลยุทธ์ระยะยาวเพื่ออนาคตที่สดใสกว่าเดิม!

การบูมของ F1 ในตลาดลักซ์ชัวรี กีฬาต่อไปจะเป็นจักรยานหรือเรือใบ? 

หลังจากที่ F1 ได้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดแบรนด์หรูระดับโลกจากอิทธิพลของซีรีส์ "Drive to Survive" ตอนนี้การจับตามองกำลังเปลี่ยนไปที่กีฬาประเภทอื่น บทความนี้จะวิเคราะห์ว่าทำไมกีฬาจักรยานและเรือใบถึงมีศักยภาพที่จะเป็นดาวดวงต่อไป และกลยุทธ์ของแบรนด์นาฬิกาอย่าง Richard Mille, Breitling และ Tudor ที่กำลังเข้าไปลงทุนในวงการเหล่านี้อย่างจริงจัง