เปิดตัว Czapek Antarctique Révélation Spectrum มาพร้อมกลไกสเกเลตันที่เปล่งประกายแม้ในยามค่ำคืน

Date:

การร่วมมือครั้งพิเศษระหว่าง Czapek และ Revolution สู่เรือนเวลาสเกเลตันที่กลไกสามารถส่องแสงเรืองรองในความมืดมิด

WORDS: Wei Koh
แปลและเรียบเรียงโดย:
Chakhriya. S

Revolution และ Czapek ร่วมกันเปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ Antarctique Révélation Spectrum ที่มาพร้อมกลไกแบบ สเกเลตัน (skeletonized movement) ซึ่งดึงดูดสายตาในเวลากลางวัน และยังคงเปล่งประกายด้วยความสว่างเรืองแสง แม้ในค่ำคืนที่มืดมิดที่สุด

เนื้อหาโดยบทสรุป

  • Xavier de Roquemaurel ได้นำ Czapek & Cie กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยคว้าชัยชนะในเวที GPHG ปี 2016 และประสบความสำเร็จในการสถาปนาให้รุ่น Antarctique กลายเป็นนาฬิกาแนวสปอร์ต-ชิกสมัยใหม่ที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญของแบรนด์ในปี 2020
  • ในปี 2024 Czapek & Cie ได้เปิดตัว Antarctique Révélation ที่มาพร้อมกลไกแบบ สเกเลตัน (skeletonized) ใหม่ล่าสุด SXH7 ซึ่งผลิตในจำนวนจำกัดและถูกจำหน่ายหมดลงอย่างรวดเร็ว
  • สำหรับรุ่น Revolution × Czapek & Cie Antarctique Révélation Spectrum นี้ คือผลงานการร่วมมือที่โดดเด่น โดยได้เปลี่ยนสะพานกลไกแบบสเกเลตันให้กลายเป็น การแสดงแสงสว่างในยามค่ำคืน (luminous brilliance) ซึ่งสะท้อนถึงแนวคิดเรื่อง ความยืดหยุ่นและการมองโลกในแง่ดี (resilience) ของผู้สวมใส่

คุณ Wei Koh ได้เล่าเนื้อหาในบทความนี้เอาไว้ว่า

ผมมีความชื่นชมอย่างมากต่อซีอีโอของ Czapek อย่าง Xavier de Roquemaurel เราได้รู้จักกันมานานกว่าทศวรรษครึ่งแล้ว เราพบกันครั้งแรกเมื่อเขายังเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ทำงานร่วมกับช่างตัดเสื้อคนโปรดของผม คือ Lorenzo และ Massimo Cifonelli เพื่อเปิดตัวคอลเลกชันเสื้อผ้าสำเร็จรูปของพวกเขา ดังนั้น เมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งผู้บริหารของ Czapek และฟื้นคืนชีพแบรนด์ขึ้นมาในปี 2012 ผมจึงขออวยพรให้เขาประสบความสำเร็จในทุกสิ่งครับ

No. 33 Bis Quai des Bergues

ในปี 2016 Czapek ได้รับรางวัล Public Prize จากงาน Grand Prix d’Horlogerie de Genève (GPHG) สำหรับนาฬิการุ่น No. 33 Bis Quai des Bergues เรือนเวลารุ่นนี้ซึ่งมีพื้นฐานมาจากนาฬิกาพกในประวัติศาสตร์ โดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์นีโอคลาสสิกที่น่าดึงดูด หน้าปัดเคลือบ “กรองด์ เฟอ” (Grand Feu enamel) สีงาช้าง เข็มนาฬิกาทรงดอกลิลลี่ (fleur-de-lys) และการแสดงกำลังลานสำรองเจ็ดวัน อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งปี 2020 Czapek และ Xavier de Roquemaurel จึงสามารถสร้างปรากฏการณ์ได้อย่างแท้จริง ด้วยการสร้างสรรค์นาฬิการุ่น Antarctique ที่กลายเป็นไอคอนของแบรนด์ในที่สุด

Antarctique Terre Adélie Secret Alloy

นาฬิการุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางสู่ทวีปแอนตาร์กติกาของหนึ่งในผู้ถือหุ้นของแบรนด์ ซึ่งเป็นผลงานที่ Xavier de Roquemaurel นำเสนอในรูปแบบนาฬิกาสปอร์ต-ชิกแบบ สายนาฬิกาผสานเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเรือน (integrated bracelet sports-chic watch) และมันก็เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยม สายนาฬิกาโดดเด่นด้วยข้อต่อรูปตัว “U” ที่ไหลเชื่อมเข้ากับตัวเรือนทรงถังเบียร์ (barrel-shaped case) ได้อย่างชัดเจน ตัดด้วยขอบหน้าปัด (bezel) ที่มีความลาดชันสูงและขัดเงาเป็นพิเศษ พร้อมทั้งการ์ดเม็ดมะยมสองชิ้นที่ยื่นออกมาเล็กน้อยแต่ยังคงไว้ซึ่งความสง่างาม

สายนาฬิกามีข้อต่อรูปตัว U อันโดดเด่นที่ไหลเข้าสู่ตัวเรือนทรงถัง

สัดส่วนของนาฬิการุ่นนี้อยู่ที่เส้นผ่านศูนย์กลาง 40.5 มม. และความหนา 10.6 มม. ซึ่งให้ความสมดุลและดูน่าดึงดูดเมื่ออยู่บนข้อมือ แต่สิ่งที่กลายเป็นประเด็นสำคัญและถูกพูดถึงมากที่สุดคือ กลไก ของรุ่น Antarctique

กลไก SXH5 นอกจากจะเป็นกลไกแบบ อิน-เฮาส์ (fully in-house caliber) ตัวแรกของ Czapek ยังได้เผยให้เห็นรายละเอียดด้านกลไกที่ผมชื่นชอบมากมาย ซึ่งรวมถึงการที่มันเป็นกลไกแบบ สะพานเต็ม (full bridge movement) โดยที่ล้อจักรแต่ละตัวในชุดเฟือง (wheel in the train) ได้รับการรองรับด้วยสะพานเฉพาะของตัวเอง ซึ่งทำให้การซ่อมบำรุงทำได้ง่ายขึ้นมาก

นอกเหนือจากรายละเอียดที่เป็นประโยชน์นี้แล้ว สถาปัตยกรรมของกลไกซึ่งประกอบด้วยชุดของ สะพานนิ้ว (finger bridges) อันทรงพลังก็มีความน่าสนใจทางสายตาอย่างยิ่ง สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือ สะพานบาลานซ์ (full traversing balance bridge) พร้อมด้วยล้อบาลานซ์แบบ Free Sprung ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ผมชื่นชอบนาฬิกาที่มีสะพานบาลานซ์ประเภทนี้มาโดยตลอด เพราะมันหมายความว่ากลไกนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “รถแทรกเตอร์” อย่างที่ใช้เรียกกันในอุตสาหกรรม นั่นคือเป็นกลไกที่สามารถ รับมือกับแรงสั่นสะเทือนขนาดเล็ก (micro-shocks) ที่นาฬิกาได้รับอยู่ตลอดเวลาได้อย่างสบาย ๆ

เพื่อไม่ให้เป็นการบดบังศักยภาพของกลไกนาฬิกา Xavier de Roquemaurel ซึ่งทำงานร่วมกับ Jean-François Mojon แห่ง Chronode ในการพัฒนากลไก ได้เลือกใช้โรเตอร์ขนาดเล็ก (micro-rotor) อันที่จริง ผมชื่นชอบกลไกนี้มาก จนกระทั่งในงานเลี้ยงฟองดู (fondue) ที่เมือง Neuchâtel เนื่องในวันเกิดของ Xavier ผมได้ถามเขาว่า เขากำลังพิจารณาที่จะทำนาฬิการุ่น Antarctique ในแบบ Openworked (เปลือยหน้าปัด) หรือไม่ เพื่อให้เจ้าของสามารถชื่นชมสะพานกลไกได้จากด้านหน้า

เขาหันมามองผมด้วยรอยยิ้มและอธิบายว่า ผมไม่ใช่คนแรกที่ถามคำถามนี้ เขาเคยได้รับการร้องขอให้สร้างภาพกลไกบนหน้าปัดนาฬิกาด้วยเทคนิค trompe-l’œil (ภาพลวงตา) ซึ่งผมเข้าใจว่าน่าจะหมายถึงเอฟเฟกต์บางอย่างที่คล้ายกับนาฬิกา Bvlgari Octo Finissimo Sketch เขาได้เปิดเผยความลับกับผมว่า นาฬิการุ่นสเกเลตันกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่จะต้องใช้เวลาถึง สี่ปีเต็ม ผมออกจากมื้อค่ำนั้นด้วยความทึ่ง และผมก็หยุดคิดถึง Antarctique รุ่น Openworked ไม่ได้เลยจริงๆ

ความยืดหยุ่น และ Révélation

ในช่วงปีถัดมา Xavier de Roquemaurel ต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพส่วนตัวที่ค่อนข้างร้ายแรงอย่างแท้จริง ผมได้ติดต่อสอบถามความเป็นอยู่ของเขาเป็นครั้งคราว และต้องบอกว่า ความกล้าหาญ ความมานะอุตสาหะ และ จิตวิญญาณนักสู้ที่ไม่ย่อท้อ ที่เขาใช้ในการเผชิญหน้ากับความทุกข์ยากนั้นเป็นแรงบันดาลใจอย่างยิ่ง ผมคิดว่าในบรรดาคุณสมบัติทั้งหมด ผมเห็นว่า ความยืดหยุ่น (resilience) ความสามารถในการกลับมาจากการคุกคามของการดำรงอยู่ เป็นสิ่งที่น่าชื่นชมที่สุด และผมจะจดจำ de Roquemaurel ในฐานะผู้มีคุณสมบัตินี้ตลอดไป ในช่วงเวลานั้น เราเริ่มพูดคุยกันถึงนาฬิการุ่นที่ทำร่วมกัน (collaborative timepiece) แล้ว แต่เรายังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการออกแบบขั้นสุดท้าย

ข้ามมาที่ปี 2024 ในช่วงนี้ Czapek Antarctique ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าในหมวดหมู่ของนาฬิกาที่มีสายผสานเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเรือน (integrated bracelet timepiece) ซึ่งแน่นอนว่ามีผู้นำคือ Audemars Piguet Royal Oak และ Patek Philippe Nautilus รวมถึงนาฬิกาอื่น ๆ อีกมากมาย ความเฉพาะตัวของมันทำให้ผมจัดให้ Antarctique อยู่ในกลุ่มย่อยเดียวกับนาฬิกาอย่าง Laurent Ferrier Sport และยังคงโดดเด่นด้วยกลไกที่เป็นกรรมสิทธิ์ของแบรนด์ที่น่าดึงดูดใจอย่างยิ่ง

ในปี 2024 นี้เองที่ Czapek ได้เปิดตัวนาฬิการุ่น สเกเลตัน (skeletonized version) อย่างเป็นทางการในชื่อ Antarctique Révélation โดย de Roquemaurel ได้ผลิตนาฬิการุ่นนี้ในจำนวนจำกัดเพียง 100 เรือนต่อปี ซึ่งถูกจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างรุ่นนี้กับรุ่นมาตรฐานคือ การถอดหน้าปัดออก เพื่อเผยให้เห็นงาน Openworking ที่ประณีตและครอบคลุมทั่วกลไก Caliber SXH7 ตัวใหม่ และแทนที่จะเป็นกลไกแบบเข็มวินาทีกลางเหมือนรุ่นก่อนหน้า กลไกนี้มาพร้อมการแสดง วินาทีเล็ก (small seconds indicator) ที่ตำแหน่ง 4:30 น.

Czapek CEO, Xavier de Roquemaurel

การส่องสว่างแห่ง Spectrum

ขณะที่แผนการเปิดตัวรุ่น Révélation เป็นรูปเป็นร่างขึ้น ผมได้ติดต่อ Xavier de Roquemaurel เพื่อเสนอโครงการนาฬิการ่วมกัน เมื่อเข้าใจถึงสิ่งที่เขาต้องเผชิญมา เราคิดว่า Révélation ในเวอร์ชันที่แสดงออกถึง ความยืดหยุ่น (resilience) และ การมองโลกในแง่ดี (optimism) แม้ในยามมืดมิด จะเป็นสิ่งที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

ดังนั้น เราจึงตัดสินใจเริ่มทำงานกับเรือนเวลาที่จะกลายเป็น Czapek Antarctique Révélation Spectrum แนวคิดคือการส่องสว่างสถาปัตยกรรมสเกเลตันอันเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาเรือนนี้ด้วยสารเรืองแสง Super-LumiNova สีขาว เพื่อที่ว่าในเวลากลางวัน มันอาจจะดูเหมือน Antarctique รุ่นสเกเลตันทั่วไป แต่เมื่ออยู่ในที่แสงน้อยหรือในยามค่ำคืน ลายเซ็นทางสายตาของกลไกจะถูกจัดแสดงในรูปแบบของแสงที่ส่องสว่าง (light show)

ที่ดียิ่งไปกว่านั้นคือ เนื่องจากฐานกลไกมีพื้นผิวที่ผ่านการพ่นทราย (sandblasted surface) แบบเรียบเนียน (stealthy) ความตัดกันระหว่างแสงและความมืดจึงถูกดึงออกมาได้อย่างถึงที่สุด

สารเรืองแสง Super-LumiNova ที่เคลือบบนเข็มนาฬิกา จะปรากฏเป็นสี ขาว ในเวลากลางวัน
เมื่ออยู่ในที่แสงน้อยหรือในยามค่ำคืน ลายเซ็นทางสายตาอันโดดเด่นของ Revolution × Czapek Antarctique Révélation Spectrum จะถูกจัดแสดงในรูปแบบของ แสงที่ส่องสว่าง (light show)

แต่ความซับซ้อนของการเคลือบสารเรืองแสงเกินกว่าที่เราคาดไว้มาก เมื่อมองลึกลงไปในนาฬิกา สิ่งที่น่าประทับใจอย่างแท้จริงคือผลงานมหาศาลที่ถูกทุ่มเทลงไปในสถาปัตยกรรมของสะพานกลไก

สะพานกลไกสำหรับเม็ดลาน (barrel) ไมโครโรเตอร์ (micro-rotor) จักรกลอก (balance) และแม้กระทั่งเข็มชั่วโมงและนาที ล้วนผ่านการเจียระไนเหลี่ยมมุม (faceted) และมีส่วนโค้งสามมิติที่คมชัด ซึ่งนำสายตาคุณเข้าสู่โลกขนาดเล็กอันน่าทึ่งของกลไก ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับนาฬิการุ่นพิเศษที่เราร่วมมือกันอย่าง Antarctique Révélation Spectrum นี้ ส่วนต่างๆ ตามพื้นผิวที่แคบของสะพานสเกเลตันเหล่านี้ ยังต้องถูกเซาะออกไปอีก เพื่อสร้างช่องว่างสำหรับสีเรืองแสง และนี่คือส่วนที่ยากที่สุด ลองนึกถึงการเคลือบสาร Super-LumiNova ให้ทั่วพื้นผิวที่เป็นเหลี่ยมมุมและมีความลาดเอียงสูงและต่ำเหล่านี้ดูสิ

Xavier de Roquemaurel กล่าวพร้อมเสียงหัวเราะว่า

“การเจียระไนขอบมุมทั้งหมดของสะพานเหล่านี้ด้วยมือนั้นยากกว่าที่เราคาดไว้มากอยู่แล้ว เนื่องจากสถาปัตยกรรม 3 มิติที่ซับซ้อน แต่ขั้นตอน [การลง Super-LumiNova] นี้ยิ่งเพิ่มความท้าทายที่ใหญ่กว่าเข้าไปอีก ถ้าสารเรืองแสงไม่สมบูรณ์ เราก็ต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด”

ตามที่เขาชี้ให้เห็น มุมภายในที่คมชัดทั้งหมดสำหรับสะพานเม็ดลาน, สะพานโรเตอร์, และสะพานจักรกลอก สามารถทำได้ด้วย มือเท่านั้น กระบวนการสร้างนาฬิกาจำเป็นต้องทำให้ขั้นตอนการเจียระไนนี้เสร็จสมบูรณ์ก่อนที่จะลงสารเรืองแสง และหากทำได้ไม่สมบูรณ์แบบหรือมีคลื่นมากเกินไป สะพานทั้งชิ้นก็จะต้องถูกนำไปเริ่มต้นทำใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น

สะพานกลไกสำหรับเม็ดลาน (barrel) ไมโครโรเตอร์ (micro-rotor) จักรกลอก (balance) และแม้กระทั่งเข็มชั่วโมงและนาที ล้วนผ่านการ เจียระไนเหลี่ยมมุม (faceted) และมีส่วนโค้งสามมิติที่คมชัด ซึ่งทำให้การเคลือบสาร Super-LumiNova เป็นภารกิจที่ซับซ้อนอย่างไม่น่าเชื่อ

Xavier de Roquemaurel เล่าว่า:

"แม้ผมจะรัก Revolution มากแค่ไหน ผมก็จะไม่ยอมตกลงที่จะดำเนินการลงสีสะพานกลไกด้วยมืออีก ซึ่งเป็นสะพานที่ผ่านการเจียระไนขอบมุมด้วยมืออย่างสมบูรณ์แบบไปแล้ว อัตราการปฏิเสธชิ้นงาน (Rejection rate) สำหรับงานนี้มันสูงเกินจะรับได้" ในท้ายที่สุด เนื่องจากความท้าทายเหล่านี้ เราจึงลดจำนวนการผลิตนาฬิกาลงจาก 30 เรือน เหลือเพียง 20 เรือน

กลไก SXH7 มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 มม. สั่นด้วยความถี่ 4Hz และมี กำลังลานสำรองเต็มที่ 60 ชั่วโมง ซึ่งหมายความว่ามันไม่ได้ดูเจ๋งอย่างเดียว แต่มันยังเป็นกลไกอัตโนมัติที่ทำงานหนักและแข็งแกร่ง (hardworking beast) อีกด้วย จากมุมมองด้านการออกแบบ หลักชั่วโมงแบบห้าเหลี่ยมและสามมิติถูกยึดติดเข้ากับวงแหวนรอบนอก ขณะที่จานแซฟไฟร์โปร่งแสงแบบ Fumé (ไล่เฉดสี) บางเบาที่ตำแหน่ง 4:30 น. ได้รวมเอามาตรวัดวินาทีเล็ก (sub-seconds track) ไว้ด้วย

เครื่องหมายและดัชนีบอกเวลาทั้งหมดถูกแสดงด้วยสาร Super-LumiNova สีขาว ที่โดดเด่น ซึ่งจะเรืองแสงเป็นสีนี้เมื่อแสงสลัว ตรงกันข้าม Super-LumiNova ที่เคลือบบน เข็มนาฬิกา นั้นปรากฏเป็นสีขาวในเวลากลางวัน แต่จะเรืองแสงเป็น สีน้ำเงิน ในสภาพแสงมืดมิด ซึ่งสร้างความตัดกันทางสายตาที่น่าทึ่งระหว่างตัวบ่งชี้ต่าง ๆ ภายใต้ตัวบ่งชี้เหล่านี้ เลย์เอาต์ของกลไกแบบ full bridge ที่น่าทึ่งจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งเมื่อแสงดับลง เปรียบเสมือนสัญลักษณ์เชิงนามธรรมของการมองโลกในแง่ดี (optimism) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่น่าชื่นชมในบุคลิกของ Xavier de Roquemaurel อย่างยิ่ง  

Revolution × Czapek Antarctique Révélation Spectrum ด้วยหน้าปัดแบบ Openworked ที่โดดเด่น ซึ่งจัดแสดงกลไกแบบ full bridge movement ได้อย่างน่าทึ่ง

Revolution × Czapek Antarctique Révélation Spectrum มีราคาจำหน่ายอยู่ที่ 42,000 ฟรังก์สวิส (ไม่รวมภาษี) โดยมีจำหน่ายเฉพาะที่ RevolutionWatch.com เท่านั้น

ข้อมูลทางเทคนิค
Revolution × Czapek Antarctique Révélation Spectrum
  • กลไก: กลไกไขลานอัตโนมัติ Caliber SXH7 กำลังลานสำรอง 60 ชั่วโมง
  • ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที และ วินาทีเล็ก (small seconds)
  • ตัวเรือน: ขนาด 40.5 มม. x 10.6 มม. สเตนเลสสตีล กันน้ำลึก 120 เมตร
  • หน้าปัด: แบบสเกเลตัน (Skeletonized) พร้อมสารเรืองแสงพิเศษเคลือบบนเข็มและสะพานกลไก
  • สาย: สายสเตนเลสสตีลผสานเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเรือน (Integrated bracelet) พร้อมสายยางสีขาวเพิ่มเติม โดยทั้งสองมาพร้อมระบบเปลี่ยนสายแบบรวดเร็ว (quick-release system)
  • การวางจำหน่าย: รุ่นผลิตจำนวนจำกัดเพียง 20 เรือน

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
CYRUS GENÈVE KLEPCYS DICE GLACIAL BLUE วิเคราะห์เชิงลึกแห่งโครโนกราฟอิสระคู่เรือนแรกของโลก
Girard-Perregaux เปิดตัว Calibre GP4800 กลไกอัตโนมัติ In-House ใหม่!
BOVET 200 ปีแห่งปรัชญาที่ศิลปะและกลไกหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว

Share post:

More like this

OMEGA Constellation 25 mm และ 28 mm การตีความใหม่ของเรือนเวลาคลาสสิก

OMEGA เปิดตัว Constellation รุ่นใหม่ในขนาด 25 มม. และ 28 มม. พร้อมงานออกแบบ polished geometry และหน้าปัดที่หลากหลาย โดดเด่นด้วยความเที่ยงตรงจากกลไกควอตซ์ Calibre 4061

MB&F: สองทศวรรษแห่งความบ้าคลั่ง ในฐานะห้องปฏิบัติการแนวคิดแห่งเรือนเวลา

MB&F ฉลองครบรอบ 20 ปี (2005-2025) ด้วยการเผยประวัติศาสตร์ นวัตกรรมกลไก 22 รุ่น และการร่วมงานกับ 'Friends' อย่าง Stephen McDonnell พร้อมเปิดตัว LM Longhorn และกิจกรรม Raffle แจกนาฬิกา 20 เรือนที่ไม่วางจำหน่าย!

EDIFICE EFK-100CD ครั้งแรกกับนาฬิกาจักรกลวัสดุฟอร์จด์ คาร์บอนจาก Casio 

พร้อมเปิดตัวอีกสามโมเดลกลไกจักรกลที่ผสานกลิ่นอายมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างลงตัว แต่ไหนแต่ไรมา Casio ประสบความสำเร็จในด้านนาฬิการะบบดิจิตัลมาโดยตลอด และเราเชื่อว่าหลายคนเริ่มต้นสนใจนาฬิกามาจากนาฬิกาดิจิตัลหน้าตาคล้ายเครื่องคิดเลขของ Casio จนกระทั่งต่อยอดมาสู่นาฬิกา G-Shock ที่ฮิตกันทั่วบ้านทั่วโมง (ถ้าคุณทันยุคที่คนทั้งโรงเรียนใส่...

CYRUS GENÈVE KLEPCYS DICE GLACIAL BLUE วิเคราะห์เชิงลึกแห่งโครโนกราฟอิสระคู่เรือนแรกของโลก

เจาะลึก Klepcys DICE Glacial Blue โครโนกราฟอิสระคู่เรือนแรกของโลกจาก CYRUS GENÈVE ตัวเรือนไทเทเนียมเกรด 5 กลไก In-House CYR718 และสี Glacial Blue สุดพิเศษ (38 เรือน)