การสะสมนาฬิกาในมุมมองของไบเบิ้ล วิชญ์ภาส ความหลงใหลและเรื่องราวที่น่าสนใจ
ร่วมสัมภาษณ์ ไบเบิ้ล วิชญ์ภาส สุเมตติกุล นักแสดงหนุ่มผู้ที่หลงใหลในโลกของนาฬิกา ที่ไม่ได้เป็นเพียงแค่งานอดิเรก แต่เต็มไปด้วยเรื่องราวและความทรงจำที่น่าประทับใจ พบกับแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาตกหลุมรักนาฬิกา และเส้นทางการสะสมที่สะท้อนตัวตนและรสนิยมของเขา
INTERVIEW BORDIN CENVIBOON

นาฬิกาเรือนใดมีความหมายกับคุณมากที่สุด
ต้องเป็น Omega Seamaster 300M ขนาด 36 มม. ยังคงเป็นนาฬิกาตระกูลดำน้ำ ตอนที่ผมเริ่มทำงานในวงการบันเทิงใหม่ ๆ ผมอยากได้นาฬิการุ่นนี้มาก เพราะเป็นเรือนที่ Pierce Brosnan ใส่ในบท James Bond แต่ลืมไปว่าเป็นภาคไหนของ 007 ผมคงต้องกลับไปดูอีกที พอผมได้รับเงินก้อนแรกจากการปิดซีรีส์เรื่องแรก ผมตัดสินใจซื้อทันที (หัวเราะ) ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในชีวิต เพราะสำหรับผมนาฬิกาคือความทรงจำที่จับต้องได้ ทุกครั้งที่มองเรือนนี้ ผมจะนึกถึงช่วงเวลานั้นเสมอ และทุกวันนี้ก็ยังใส่อยู่ครับ
คุณสนใจนาฬิกาดำน้ำเพราะเล่นกีฬาดำน้ำหรือเปล่า
ไม่เลยครับ (หัวเราะ) ผมไม่ได้ดำน้ำ จุดที่ทำให้ผมชอบนาฬิกาดำน้ำคือ ตอนที่ผมอยู่มัธยม พี่ชายของผมได้ใบรับรองการดำน้ำ แล้วเขาก็ได้ซื้อเรือนหนึ่งเป็นนาฬิกาดำน้ำ ตอนนั้นผมเห็นแล้วมันเท่ห์มาก เลยบอกตัวเองว่า “ชอบเลย” ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ชอบนาฬิกาทรงนั้นมาตลอด เพราะมันไม่ใช่แค่ดีไซน์ แต่ยังมีประวัติศาสตร์และเรื่องราวของมันด้วย ยิ่งได้รู้ว่ามันเป็นหมวดหมู่ที่ลึกมาก เพราะเกือบทุกแบรนด์ก็จะมีตระกูลนาฬิกาดำน้ำของตัวเอง
คุณมีนาฬิกาเรือนไหนที่เป็นโปรเจกต์ฟื้นฟูของคุณบ้างครับ
Tudor Big Rose รุ่นนี้มีโลโก้กุหลาบ ซึ่งหายากมาก ผมหามานานและติดต่อร้านที่รู้จักหลายแห่งกว่าจะเจอ สภาพตอนนั้นเยินมาก นี่ถือเป็นโปรเจกต์ฟื้นฟูครั้งแรกของผม ผมเลือกเรือนนี้เพราะตั้งใจอยากได้จริง ๆ จึงหาชิ้นส่วนต่าง ๆ เช่น เม็ดมะยมใหม่ สายและบัคเคิลใหม่ รวมถึงให้ช่างทำเซอร์วิสโรเตอร์และเกียร์ที่ต้องเปลี่ยน
เรือนนี้ผลิตในช่วงยุค 80s และผมจำได้ว่าตัวเข็มวีน่าจะงออยู่ ช่างจึงต้องดัดให้ใหม่ ถือเป็นการซ่อมที่ผมชอบมาก เพราะมันมีความหมายและเป็นความทรงจำที่ดี นอกจากนี้ ผมยังชอบดอกกุหลาบมาก ตอนเด็กอาจจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ตอนโตขึ้นมามองว่ามันเป็นสัญลักษณ์และโมทีฟที่ดี ช่วยเพิ่มคุณค่าให้กับนาฬิกาเรือนนี้อีกด้วย


นาฬิกาที่เป็นไอคอนิคของคุณในคอลเลกชันคือรุ่นไหน
ผมหา Omega Speedmaster มานานมาก ตอนแรกมีตัวเลือกหลายตัว เช่น รุ่น 321 ซึ่งเป็นรุ่นวินเทจ แต่สุดท้ายผมเลือกตัวโมเดิร์นที่เป็นแบบแซพไฟร์ เพราะว่าการใช้งาน โดยเฉพาะผมเป็นคนที่ชอบแอดเวนเจอร์ อยากมั่นใจว่าใส่แล้วจะไม่เป็นไร กระจกแซพไฟร์ให้ความทนทานมากกว่ากระจกเซลลูลอยด์ ซึ่งมีฟีลเหมือนพลาสติก ที่ใช้งานอาจจะไม่สะดวก เพราะถ้าเช็ดด้วยผ้าที่ไม่สะอาดก็อาจเกิดรอยได้ง่าย
ผมตกหลุมรักในแฟนตาซีของ Moonwatch จริง ๆ ถึงแม้ว่าตัวที่ผมได้มาไม่ใช่เรือนนี้และไม่ใช่รุ่นที่มีประวัติการเดินทางไปกับนาซ่า แต่ Speedmaster ที่ผมเลือกก็ถือเป็นทายาทของ Moonwatch ซึ่ง Omega ได้รับสัญญาจากนาซ่าและได้ใส่ในทุกภารกิจตั้งแต่ Apollo 1 จนถึง Apollo 18 โดยเฉพาะ Apollo 18 ที่มีการใช้งานฟังก์ชั่นโครโนกราฟเพื่อจับเวลา ซึ่งถือว่าช่วยชีวิตนักบินอวกาศได้จริง ๆ ผมชอบความโรแมนติกของประวัติศาสตร์นี้และความหมายที่อยู่เบื้องหลังนาฬิกาเรือนนี้มาก มันทำให้ผมรู้สึกเชื่อมโยงกับเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่และการผจญภัยในอวกาศ
คุณชอบนาฬิกากลไกออโตเมติกหรือนาฬิกาไขลาน
ขึ้นอยู่กับเรือนนั้น ๆ ครับ คอลเลกชันของผมมีทั้งแบบออโตเมติกและแบบไขลานด้วย แต่ไม่มีควอทซ์ที่นำมาโชว์ แต่ที่บ้านก็มีควอทซ์อยู่ อย่างเช่น CASIO W-8 หรือรุ่น F.P. Journe ที่เป็นควอทซ์ ซึ่งถ้าเราวางทิ้งไว้ มันจะจำเวลาได้ อันนั้นก็น่าสนใจเหมือนกัน แต่ถ้าชอบจริง ๆ ก็คงจะเป็นแนวกลไก ซึ่งก็จะเลือกเป็นไม่ออโต้หรือไขลานมากกว่าครับ
มีนาฬิกาเรือนไหนที่ให้ความรู้สึกแตกต่างจากเรือนอื่นในคอลเลกชันของคุณ?
จากทั้งหมดในคอลเลกชันของผม Oris ProPilot ไทเทเนียมน่าจะเป็นเรือนที่ดูโมเดิร์นที่สุด ผมไม่อยากให้คอลเลกชันของตัวเองซ้ำกันเกินไป เพราะมีวินเทจอยู่หลายเรือนแล้ว เลยอยากหานาฬิกาที่มีความสนุกและแตกต่างขึ้นมาหน่อย
สิ่งที่ทำให้ผมสนใจเรือนนี้คือการใช้วัสดุที่ทันสมัย ผมมองว่าวงการนาฬิกามีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะมากในเรื่อง Material Science เมื่อก่อนตัวเลือกหลัก ๆ ก็จะมีสเตนเลสสตีล ทอง และทองคำขาว แต่ปัจจุบันเรามีวัสดุใหม่ ๆ เช่น เซรามิก ไทเทเนียม และคาร์บอนไฟเบอร์


อะไรทำให้คุณประทับใจในเรือนนี้เป็นพิเศษ
จริง ๆ ผมชอบไทเทเนียมมาก นอกจากนาฬิกาแล้ว ผมยังสะสมมีดด้วย ซึ่งวัสดุที่ใช้กับด้ามมีด ผมก็เลือกไทเทเนียมเพราะมันทั้งเบาและทน ส่วน Oris ผมรู้จักมานานแล้ว โดยเฉพาะรุ่น Big Crown Pointer Date ที่เป็นไอคอนของแบรนด์ และซีรีส์ Big Crown เองก็มีประวัติยาวนานในโลกของนักบิน
พอเห็นเรือนนี้ก็ถูกใจทันที แม้ตัวเรือนจะใหญ่ถึง 44 มม. แต่กลับเบามาก พอได้ลองใส่ก็รู้สึกว่าเหมาะกับการใช้งานทุกวัน สิ่งที่ผมชอบคือฟังก์ชันของมัน อย่างพลังงานสำรอง 10 วัน ไขลานครั้งเดียวอยู่ได้ถึง 10 วัน ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องพลังงาน แถมยังกันน้ำได้ 100 เมตร
อีกจุดที่ชอบคือหน้าปัดสเกเลตันเพราะโชว์ฝีมือของช่างทำนาฬิกาอีกด้วย การออกแบบให้เห็นกลไกต้องผ่านกระบวนการคิดมาอย่างดี ไม่ใช่แค่เรื่องความซับซ้อนของกลไก แต่รวมถึงดีไซน์และสีสัน โดยเฉพาะสีของไทเทเนียมที่ให้ความรู้สึกโมเดิร์นและล้ำสมัยมาก ๆ
หากต้องเลือกเรือนที่มีความหมายที่สุดในชีวิต คุณจะเลือกเรือนไหน
Rolex Datejust 16233 รุ่น ‘สามกษัตริย์’ ซึ่งจะเป็นแบบทูโทนและมีเพชรด้วย เรือนนี้มีประวัติว่าเมื่อคุณพ่อผมเริ่มทำงาน คุณปู่ให้รุ่นแบบนี้เป๊ะเลย ไม่ใช่เรือนนี้นะครับ แต่หน้าปัดนี้เป๊ะเลย ผมก็เลยอยากได้มาก แต่ว่าไม่กล้าไปขอเขา ก็อยากให้เขามีอยู่ เลยบอกว่าอยากให้เรามีนาฬิกาคู่กัน เรือนเดียวกันอะไรอย่างนี้ เราก็หานานมาก
คุณปู่ไม่ได้มีแค่นาฬิกาเรือนเดียว ทุกเรือนในคอลเลกชันที่ส่งต่อมาถึงผม ล้วนมีคุณค่าหมด ถ้าจะพูดให้ตรงความรู้สึกก็คงต้องใช้ภาษาอังกฤษว่า “It’s priceless to me.” เพราะว่ามันไม่ได้อยู่ที่ราคา แต่มันคือความหมายที่อยู่เบื้องหลัง ผมอยากเก็บมันไว้ แล้วหวังว่าสักวันจะได้ส่งต่อเหมือนที่คุณปู่เคยทำ ซึ่งในบรรดานาฬิกาของเขา เรือนนี้เป็นเรือนโปรดของเขา และมันก็เลยกลายเป็นเรือนโปรดของผมไปด้วย นั่นก็คือ Rolex Day-Date หน้าหิน Onyx สีดำ คุณปู่เป็นคนที่ชอบนาฬิกาทองมาก ผมยังจำได้ว่าเขาเคยบอกผมตอนเราคุยกันเรื่องนาฬิกาว่า “ถ้าเป็นเรือนไหนก็ตาม สุดท้ายถ้ามันเป็นทอง อย่างน้อยมันก็ยังมีค่าของทองอยู่” เพราะฉะนั้น ทุกเรือนที่เขาเก็บสะสมมา จึงเป็นทองทั้งหมด



สุดท้ายแล้ว นาฬิกาสำหรับคุณคืออะไร
ถ้าใครเริ่มสนใจนาฬิกา สามารถเริ่มจากตรงไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นนาฬิกาแพง ๆ หรืออะไรแบบนั้น อย่าต้องไปเป็นหนี้เพื่อซื้อมันมา สุดท้ายแล้วมันคือความสนุกและงานอดิเรกที่คุณควรเพลิดเพลินกับมัน คือความทรงจำ คือศิลปะ และคือเครื่องบันทึกเรื่องราวของชีวิตครับ
PHOTO BY: ธนัท เตรียมชาญชูชัย
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในโลกเรือนเวลาสุดล้ำได้ที่ Revolution Thailand แหล่งรวมแรงบันดาลใจสำหรับนักสะสมนาฬิกาตัวจริง