Patek Philippe Gondolo Serata Zebra จากมรดกแห่งบราซิล สู่เรือนเวลาหน้าปัดม้าลายที่ดูมีชีวิต

Date:

มรดก Art Deco และเทคนิคหน้าปัดแซฟไฟร์

ถ้าเราพูดถึง Patek Philippe ภาพจำแรกของหลายคนอาจเป็นความคลาสสิกของนาฬิกาทรงกลม แต่คุณรู้หรือไม่ว่า ประวัติศาสตร์ของแบรนด์นั้นยิ่งใหญ่และกล้าหาญกว่านั้นมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มนาฬิกาที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม (Form Watches)

หากมองเพียงผิวเผิน Patek Philippe อาจถูกมองเป็นแบรนด์นาฬิกาทรงคลาสสิก แต่ความจริงคือแบรนด์เป็นผู้บุกเบิกในเรื่องของ “รูปทรง” ที่แตกต่าง และเรื่องราวนี้เริ่มต้นที่ทวีปอเมริกาใต้

คอลเลกชัน Gondolo ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวใน Rio de Janeiro โดยชื่อมาจากร้านนาฬิการะดับตำนาน Gondolo & Labouriau ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของ Patek Philippe ในบราซิล ระหว่างปี 1872–1920 แบรนด์ได้สร้างสรรค์นาฬิกาพิเศษเพื่อร้านนี้โดยเฉพาะ และร้านก็คิดค้นกลยุทธ์การขายที่ไม่เหมือนใคร ความร่วมมือครั้งนั้นกลายเป็นตำนานแห่งยุคทองของเรือนเวลา จุดกำเนิดของ Gondolo ที่ผสานเสน่ห์แบบบราซิลเข้ากับความประณีตของสวิสได้อย่างลงตัว

สำหรับคอลเลกชัน Gondolo ที่เราเห็นในปัจจุบัน คือการเดินทางย้อนเวลากลับไปสู่ปี 1872 ณ นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล แบรนด์ได้ร่วมมือครั้งสำคัญกับร้านค้าปลีก Gondolo & Labouriau เพื่อสร้างสรรค์นาฬิกาดีไซน์พิเศษอย่าง Chronometro Gondolo ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างสูงในยุคนั้น เรียกว่าเป็นมรดกทางดีไซน์ที่สืบทอดมายาวนานกว่าห้าทศวรรษ จนได้กลายเป็นรากฐานที่แบรนด์ใช้ในการตีความสไตล์ Art Deco ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ด้วยเส้นสายที่หนักแน่น สง่างาม และความเรียบง่ายทางเรขาคณิต

เรือนแรก Chronometro Gondolo (1913–1920)
นาฬิกาทรงโทโน ตัวเรือนเยลโลวโกลด์ผลิตระหว่างปี 1913–1920
ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ Patek Philippe Museum เมืองเจนีวา (รหัส P-1322)
Chronometro Gondolo (1920s)
นาฬิกาข้อมือระบบตีบอกเวลาแบบสองฆ้อง (Minute Repeater) ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าทองคำเหลือง ผลิตในช่วงทศวรรษ 1920
ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ Patek Philippe Museum เมืองเจนีวา (รหัส P-739)
Chronometro Gondolo (1913–1922)
นาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตัวเรือนทองคำเหลือง ผลิตระหว่างปี 1913–1922
ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ Patek Philippe Museum เมืองเจนีวา (รหัส P-1134)
Gentleman’s Wristwatch Ref. 3485 (1963)
นาฬิกาข้อมือสุภาพบุรุษ ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทำจากทองคำเหลือง ผลิตในปี 1963 ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ Patek Philippe Museum เมืองเจนีวา (รหัส P-1182)
Chronometro Gondolo (1921)
นาฬิกาทรงถัง (Barrel-shaped) ตัวเรือนทองคำเหลือง ผลิตในปี 1921
ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ Patek Philippe Museum เมืองเจนีวา (รหัส P-1329)
Reversible Wristwatch Ref. 106 (1931–1932)
นาฬิกาข้อมือแบบกลับด้านได้ ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ทำจากทองคำเหลืองและทองคำขาว ผลิตระหว่างปี 1931–1932 ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่ Patek Philippe Museum เมืองเจนีวา (รหัส P-565)

Serata การถือกำเนิดของ “เดรสวอทช์” ผู้หญิงที่แตกต่าง

บนรากฐานของคอลเลกชัน Gondolo ก็ได้เกิดเป็น Gondolo Serata ในปี 2006 ซึ่งออกแบบมาสำหรับสุภาพสตรีโดยเฉพาะ นาฬิการุ่นนี้ยังคงความเป็น Art Deco แต่ถูกปรับให้มีรูปทรงโค้งมนและอ่อนโยนกว่าเดิม จนกลายเป็นนาฬิกา Dress-watch ที่สามารถสวมใส่ได้อย่างมีสไตล์ในชีวิตประจำวัน

หลังจากการกลับมาอีกครั้งในปี 2023 ด้วยตัวเรือนโรสโกลด์พร้อมพลอยสเปสซาไทต์ Patek Philippe ก็ได้เปิดตัวสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในปี 2025 กับรุ่น Gondolo Serata Zebra Ref. 4962/200R-010 ซึ่งเป็นการนำความสง่างามตามแบบฉบับมาผสานเข้ากับลูกเล่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายม้าลาย (Zebra) บนนาฬิกาหายากในคอลเลกชันที่เป็น Rare Handcrafts

เผยรหัสลับบนหน้าปัดแซฟไฟร์

สิ่งที่ทำให้นาฬิการุ่น Zebra แตกต่างจากนาฬิกาเรือนประดับทั่วไปคือ นวัตกรรมและเทคนิคอันละเอียดอ่อนที่ใช้ในการสร้างหน้าปัด ซึ่งไม่ใช่แค่การพิมพ์ลายบนโลหะทั่วไปที่เราเคยเห็น แต่เป็นการทำงานกับ แผ่นคริสตัลแซฟไฟร์ใสทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดาสำหรับแบรนด์ เพื่อให้เกิดมิติที่เหมือนภาพ 3D โดยช่างฝีมือต้องใช้ความประณีตสูงในแต่ละขั้นตอน

ช่างฝีมือต้องแกะสลักลายม้าลาย และเคลือบเงาสีดำลงบนแผ่นแซฟไฟร์ ทั้งด้านบนและด้านล่าง

เริ่มต้นจากการ แกะสลักลายม้าลาย และเคลือบเงาสีดำลงบนพื้นผิวของแผ่นแซฟไฟร์ ทั้งด้านบนและด้านล่าง จากนั้นจึงใช้เทคนิคเคลือบโลหะสีดำและวานิชสีขาว เพื่อเติมเต็มลายม้าลายจากด้านใต้ของหน้าปัด

การไล่ระดับสีนี้และการใช้พลอยต่างขนาด ถูกออกแบบมาเพื่อ เน้นรูปทรงโค้งมนที่คอดเว้าของตัวเรือน ทำให้ตัวเรือนไม่เพียงดูสวยงาม แต่ยัง โอบรับข้อมือได้อย่างเรียบเนียนที่สุด

การทำงานที่ซับซ้อนนี้ทำให้เกิด มิติความลึก (Volume and Depth Effects) ที่น่าทึ่ง ทำให้ตัวเลข Breguet และเข็มรูปใบไม้สีโรสโกลด์ที่อยู่ด้านบนดูราวกับลอยตัวอยู่เหนือลายทางที่มีชีวิต ซึ่งเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้การมองใกล้ๆ ถึงจะเข้าใจในความละเอียดอ่อน

พลอยสเปสซาไทต์ กับการจัดวางที่สมบูรณ์แบบเพื่อโอบกระชับข้อมือ

ตัวเรือนโรสโกลด์ขนาด 28.6 x 40.85 มม. ถูกประดับด้วยพลอยสเปสซาไทต์ (Spessartite) บริลเลียนต์คัตถึง 94 เม็ด (2.02 กะรัต) ซึ่งเป็นพลอยในตระกูลโกเมนที่ให้เฉดสีส้มอมแดงคล้ายไฟ การจัดวางไม่ได้ทำไปเพื่อความสวยงามเท่านั้น ยังเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบที่ใช้งานได้จริง

พลอยเหล่านี้ถูกจัดเรียงในรูปแบบ ไล่ระดับสีแบบคู่ โดยเริ่มต้นด้วยเฉดสีคอนญัก (Cognac) โทนเข้มบริเวณ 12 และ 6 นาฬิกา ก่อนจะค่อยๆ ไล่ระดับไปยังเฉดสีส้มแมนดาริน (Tangerine) ที่สดใสกว่า การไล่สีและขนาดของอัญมณีอย่างชาญฉลาดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเน้นให้เห็นรูปทรงที่คอดเว้าของตัวเรือน ทำให้มั่นใจได้ว่านาฬิกาจะโอบกระชับและสวมใส่ได้อย่างเรียบเนียนที่สุด ตามหลักการออกแบบนาฬิกาเดรสวอทช์ที่ดี

ตัวเรือนถูกออกแบบให้มีรูปทรงโค้งมน คล้ายนาฬิกา Art Deco ดั้งเดิม

แม้ว่านาฬิกาเรือนนี้จะขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์ Caliber E15 ซึ่งช่วยให้ตัวเรือนบางเบาและสวมใส่สบาย แต่ Patek Philippe ยังคงใส่ใจในทุกรายละเอียด โดยยืนยันว่าชิ้นส่วนกลไกเชิงกลทั้งหมดได้รับการตกแต่งเก็บงานในระดับเดียวกับนาฬิกาจักรกลชั้นสูงของแบรนด์

กลายเป็น “เดรสวอทช์” ที่สวมใส่สบายและโดดเด่นทั้งกลางวันกลางคืน

และนี่คือ Gondolo Serata Zebra (Ref. 4962/200R-010) เรือนเวลาที่มอบเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบ ตั้งแต่ประวัติศาสตร์จากบราซิล ความสง่างามแบบ Art Deco และความล้ำหน้าทางหัตถศิลป์แห่งหน้าปัด มันคือการประกาศความสง่างามที่ไม่หยุดนิ่ง และเป็นลายเซ็นที่ไม่เหมือนใครสำหรับผู้สวมใส่

ข้อมูลทางเทคนิค
  • ตัวเรือน: Rose gold ขนาด 28.6 × 40.85 มม. ความหนา 7.36 มม. และขอบหน้าปัดประดับสเปสซาร์ทไฟต์ 94 เม็ด (~2.02 กะรัต)
  • หน้าปัด: กระจกแซฟไฟร์คริสตัล “ลวดลายม้าลาย” (zebra motif) แกะสลักและทาระบายสีดำทั้งสองด้าน เสริมด้วยการเมทัลลิคดำและทาขาวด้านใต้ตัวหน้าปัด
  • ฟังก์ชั่น: แสดงเวลา (ชั่วโมง-นาที) พร้อมเข็มใบไม้ (leaf-shaped hands) และตัวเลขบราเกต์ (Breguet numerals) ที่ตำแหน่ง 12 และ 6 นาฬิกา
  • กลไก: ควอตซ์ กลไก Caliber E15
  • สาย: สายหนังลูกวัว (calfskin) เคลือบซาตินสีขาว พร้อมหัวเข็มขัดโรสโกลด์

อ่านบทความน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่:
เส้นทางแห่งความฝันของ Angelo Bonati ซีอีโอ Panerai กับบทสัมภาษณ์สุดท้ายที่สะเทือนวงการ
Urwerk The Future of Timekeeping
Exclusive: Cameron Barr แชร์เรื่องราวเบื้องหลังความท้าทายและความสำเร็จในการออกแบบนาฬิกาคอลลาโบเรชันครั้งแรกกับ Zodiac

Share post:

More like this

Santos de Cartier Titanium การบุกเบิกครั้งใหม่ด้วยไทเทเนียมและจิตวิญญาณนักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่

Cartier เปิดตัว Santos de Cartier Titanium Large Model ตัวเรือนไทเทเนียม Grade 5 พ่นทรายด้าน เบากว่ารุ่นสตีล 43% ขับเคลื่อนด้วยกลไก 1847 MC พร้อมฟังก์ชัน QuickSwitch และ SmartLink เพื่อความสะดวกในการปรับเปลี่ยนสาย

ZENITH DEFY Skyline Tourbillon การตีความใหม่ของความหรูหราด้วยตัวเรือนโรสโกลด์และเฉดสีอิฐแห่งมรดก

ZENITH เปิดตัว DEFY Skyline Tourbillon ที่สร้างสรรค์จาก Rose Gold ทั้งเรือนเป็นครั้งแรก ตัวเรือน 41 มม. หน้าปัดสีแดงอิฐ กลไก El Primero 3630 ทูร์บิญอง 5 Hz พร้อมระบบเปลี่ยนสายด่วน

Bovet Récital 30 นาฬิกา world time ที่บอกเวลาทุกไทม์โซนทั่วโลกได้ละเอียดยิ่งกว่า

พลิกทุกมิติแห่งการบอกเวลาทั่วโลกด้วยการอ่านค่าเวลาได้ 25 ไทม์โซน อย่างเที่ยงตรงทั้ง 
4 ฤดูกาล การแบ่งเวลาเป็น 24 ไทม์โซนทั่วโลกทำให้มนุษย์เข้าใจในเส้นแบ่งเวลาตามมาตรฐานสากลตรงกันได้แล้วก็จริง แต่ถึงกระนั้น...

Piaget Andy Warhol Watch ‘Collage’ Limited Edition เมื่อศิลปะแนวป๊อปอาร์ตถูกถ่ายทอดลงบนนาฬิการุ่นไอคอนิก 

การกลับมาอีกครั้งของนาฬิกา Andy Warhol ที่นำเสนอศิลปะแนวป๊อปอาร์ตได้อย่างมีชั้นเชิง ความหลงใหลของไอคอนสู่นาฬิการุ่นไอคอนิก ไอคอนแห่งศิลปะแนวป๊อปอาร์ตอย่าง Andy Warhol นั้นได้ชื่อว่า มีมุมมองเฉพาะตัว และหลงใหลในความงามของวัตถุที่เปล่งประกายวิบวับ...