Nicolas Beau ผู้ต่อยอดตำนานแห่งอัญมณีชั้นสูงของ Tiffany & Co.
สู่นาฬิกาไฮจิวเวลรี่ที่เปี่ยมด้วยจินตนาการ

Date:

บทสนทนากับ Nicolas Beau หัวเรือแผนกเรือนเวลาของ Tiffany & Co.

Nicolas Beau – Vice President of Horlogerie Tiffany & Co.

นอกเหนือจากภาพยนตร์เรื่อง Breakfast at Tiffany’s จะสร้างจินตนาการให้หญิงสาวต่างฝันถึงการได้เข้าไปเยือนภายในสโตร์ของ Tiffany & Co. สักครั้ง พร้อมได้แหวนเพชรน้ำงามมาประดับนิ้ว คงไม่มีอัญมณีชิ้นไหนจะสร้างภาพฝันอันบรรเจิดได้เทียบเท่า Bird on a Rock นกประดับเพชรเกาะเหนืออัญมณีสีสวย
ผลงานของ Jean Schlumberger จิวเวลรี่ดีไซเนอร์ผู้เติมชีวิตให้กับอัญมณีหลากสีสัน และสร้างแรงบันดาลใจให้หญิงสาวใฝ่ฝันอยากครอบครองผลงานอันงดงามจับใจชิ้นนี้

เรามีโอกาสได้สนทนากับหัวเรือแผนกเรือนเวลาของ Tiffany & Co. เมื่อครั้งที่เขามาเยือนประเทศไทยในโอกาสเปิดตัวงานนิทรรศการครั้งยิ่งใหญ่ Legendary Legacy ที่นำอัญมณีชิ้นไอคอนิกและนาฬิกาในคลังของแบรนด์มาจัดแสดงอย่างน่าตื่นตา วันนั้นเรานั่งสนทนากันพร้อมจ้องมองนาฬิกาตั้งโต๊ะรูปรถแข่งสี Tiffany’s Blue ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า ก่อนเข้าบทสนทนาอย่างจริงจัง Mr. Beau หยิบนาฬิกาตั้งโต๊ะตรงหน้ามาอธิบายถึงการทำงานของมันให้เราฟังพร้อมเล่าว่า    

“มันเป็นของเล่นสำหรับเด็กผู้ชาย เพราะยอดขายกว่า 90% มาจากลูกค้าผู้ชายล้วนๆ เลยครับ แล้วในอนาคตจะมีไอเดียอื่นๆ ตามมาอีกครับ” 

นาฬิการุ่น HardWear

จากแบ็กกราวด์ที่แข็งแรงในวงการนาฬิกาของคุณ คุณมีแนวทางในการพัฒนาแผนกนาฬิกาจิวเวลรี่ให้กลายเป็นส่วนสำคัญในตำนานของ Tiffany & Co. ได้อย่างไร 

เวลาที่คุณศึกษาลึกลงไปในประวัติศาสตร์ด้านนาฬิกาของ Tiffany ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่ผมเพิ่งเข้ามาทำงานให้กับ Tiffany & Co. ตัวผมเองยังรู้สึกประหลาดใจเหมือนกันที่ได้ทราบว่า Tiffany มีประวัติศาสตร์ด้านนาฬิกาที่รุ่มรวยอย่างยิ่ง  ทุกวันนี้เรามีชิ้นงานนาฬิกาในคลังกว่า 300 ชิ้นที่เก็บรักษาไว้ ซึ่งมีอายุย้อนกลับไปไกลถึงปี 1800 จวบจนถึงปัจจุบัน และสิ่งที่น่าทึ่งคือ Tiffany หยิบแรงบันดาลใจจากชิ้นงาน
จิวเวลรี่หรืออัญมณีระดับไอคอนิกมาตีความใหม่ในการออกแบบนาฬิกาเสมอ และจิตวิญญาณนั้นยังคงเป็นสิ่งที่เราพยายามรักษาให้คงอยู่ 

ยกตัวอย่างเช่น นาฬิการุ่น HardWear ที่มาพร้อมสายนาฬิกาแบบสร้อยข้อมือรุ่น HardWear และเราได้นำเอารูปทรงคุชชันของเพชรจาก Tiffany มาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบตัวเรือน เห็นได้จากกระจกคริสตัลที่เราเจียระไนให้เป็นรูปทรงคุชชันรูปแบบเดียวกับเพชร Tiffany ทั้งด้านหน้าและด้านหลังตัวเรือน และนั่นทำให้มันกลายเป็นนาฬิกาจิวเวลรี่ที่สามารถนำมาไปสวมใส่ได้อย่างสนุกสนาน และนี่ไม่ใช่การนำนาฬิการูปแบบเก่ามาตีความใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มันเป็นการสร้างสรรค์ชิ้นงานนาฬิกาที่ใหม่เอี่ยมอ่องจากคอลเลกชันจิวเวลรี่ใหม่ๆ

พูดถึงแรงบันดาลใจจากอดีต จิตวิญญาณของ Jean Schlumberger น่าจะยังคงอยู่ในทุกๆ ชิ้นงานใช่หรือเปล่า

คงไม่ถึงกับทุกชิ้นงานครับ แต่ยังคงอยู่อย่างแน่นอน เพราะผลงาน
จิวเวลรี่ของเขาส่งอิทธิพลไปยังวงการจิวเวลรี่ทั่วโลกเลยก็ว่าได้ และ
ยังคงร่วมสมัยอยู่เสมอ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะถ้าหากคุณอยู่ในวงการแฟชั่น คุณสร้างสรรค์ผลงานที่มีชีวิตอยู่เพียงแค่หนึ่งหรือสอง
ซีซั่น แต่สำหรับวงการจิวเวลรี่และนาฬิกา คุณสร้างสรรค์ผลงานที่จะคงอยู่ไปนับศตวรรษ และนั่นเป็นคุณสมบัติที่ Jean Schlumberger สามารถทำได้

อย่างในนาฬิกา Bird on a Rock ก็เช่นเดียวกัน อันที่จริงแล้วการนำตัวนกมาไว้บนหน้าปัดนั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก เมื่อเทียบกับการฝังเพชรหรือเทคนิคอื่นๆ เราต้องการที่จะรังสรรค์จิตวิญญาณของงาน
จิวเวลรี่ลงไปในนาฬิกาของเรา แล้วในเมื่อรูปแบบดั้งเดิมของจิวเวลรี่ชิ้นนี้เป็นเข็มกลัด ซึ่งผมคิดว่าเป็นจิวเวลรี่ที่สามารถนำมาพลิกแพลงได้อย่างสนุกสนาน ดังนั้น การที่จะทำให้ตัวนกขยับได้เราใส่จิตวิญญาณของความสนุกสนานขี้เล่นลงไปในนั้น ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งสำคัญทีเดียว และเมื่อคุณสวมนาฬิกา Bird on a Rock ไว้บนข้อมือคุณจะสามารถเล่นกับมันในขณะเคลื่อนไหวข้อมือได้ 

ตัวนกที่สวิงไปมาบนหน้าปัดนั้นแลดูคล้ายกับโรเตอร์นาฬิกาแต่มันถูกสร้างมาเพื่อความสวยงามเพียงอย่างเดียวเลยใช่หรือเปล่า

ใช่ครับ มันไม่ได้เชื่อมโยงกับชิ้นส่วนกลไกใดๆ เลย เพราะชิ้นส่วนนี้มี
น้ำหนักมาก และผมไม่ต้องการทำลายกลไก เพราะด้วยน้ำหนักของ
ตัวนกและอัญมณีที่ใช้ประดับรวมเข้าด้วยกัน การที่จะนำชิ้นส่วนนี้เชื่อมเข้ากับโรเตอร์ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลไกจึงไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร ชิ้นส่วนนี้จึงต้องใช้ระบบ ball bearing แบบพิเศษที่ผมคิดค้นมาเพื่อนาฬิการุ่นนี้โดยเฉพาะ 

นาฬิกา Bird on a Rock เรามีหนามเตย 6 ก้านรองรับเม็ดมะยมเพชรขนาด 0.24 กะรัต เหมือนที่ใช้กับแหวนของ Tiffany ดังนั้นถ้าเพชรเม็ดนี้หลุดจากเม็ดมะยม คุณสามารถนำไปทำตุ้มหูเพชรได้เลยครับ (หัวเราะ) ด้านฝาหลังยังถูกตกแต่งในลวดลายที่ได้แรงบันดาลใจจากรูปเข็มกลัดของ Jean Schlumberger อีกด้วย 

ความท้าทายในการรังสรรค์นาฬิกา Bird on a Rock อยู่ที่ขั้นตอนไหนหรือชิ้นส่วนไหนบ้าง  

อันดับแรกคือการหาอัญมณีที่ใช่ ในส่วนของอัญมณีสีฟ้าไล่เฉดที่ผมเรียกว่า ‘Tiffany’s Rainbow’ นั้นมีเรื่องราวอยู่ว่า…คุณคงรู้จักสีฟ้า ‘Tiffany’s Blue’ ใช่ไหมครับ ซึ่งเฉดสีนี้ไม่ใช่ว่าหาได้ง่ายๆ ในอดีตจะมี The Blue Book เป็นแคตตาล็อกที่ Tiffany ผลิตออกมาเป็นประจำทุกปีเพื่อนำเสนอรุ่น Novelties ในสหรัฐอเมริกา ซึ่ง The Blue Book นี้เป็นสีฟ้าในเฉดที่แตกต่างกันในแต่ละปี ถ้าได้เข้าไปดูในคลังเก็บ Blue Book ของ Tiffany ก็จะเห็นเลยว่าเรามีเฉดสีฟ้าทุกเฉดตั้งแต่สีฟ้า
แกมเขียว  สีฟ้าเข้ม แล้วพอผมได้เห็นคลังหนังสือ Blue Book ผมจึงเกิดไอเดียขึ้นมาว่าเราน่าจะสร้าง Tiffany’s Rainbow ขึ้นมา โดยใช้
สีฟ้าหลากเฉดไล่เรียงกันตั้งแต่สีฟ้าแกมเขียวไปจนถึงสีฟ้าเฉดเข้ม 
ซึ่งการเฟ้นหาอัญมณีในเฉดสีฟ้าต่างๆ นั้นเป็นเรื่องยาก เช่นเดียวกับการติดตั้งนกตัวจิ๋วซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยากเช่นกัน ตัวนกเป็นรูปทรงกลมนูน ไม่แบนราบ ซึ่งถ้าหากเป็นทรงแบนราบจะทำได้ง่ายกว่า

แต่ส่วนที่ยากที่สุดนั้นเชื่อหรือไม่ครับว่าเป็นการสร้างระบบ ball bearing เพราะมันเป็น ball bearing ขนาดเล็กจิ๋ว ลักษณะเดียวกันกับที่เราใช้ผลิตโรเตอร์นั่นแหละครับ ถ้าหากคุณไปที่บริษัทผลิตโรเตอร์แห่งหนึ่งในสวิตเซอร์แลนด์แล้วบอกเขาว่า “ผมอยากสั่งทำ ball bearing ลักษณะนี้ในจำนวน 50 ชิ้น” เขาจะจ้องตาคุณแล้วบอกว่า “คุณกลับมาปีหน้าได้ไหม” เพราะโดยปกติแล้วพวกเขาผลิตชิ้นส่วนนี้สำหรับใช้ในโรเตอร์และผลิตคราวละหลายร้อยชิ้น 

ความน่าสนใจอยู่ที่ว่าบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนนี้ให้เรานั้นบริหารโดยผู้หญิง แต่คนที่ปฏิเสธตั้งแต่ตอนแรกเป็นผู้ชายที่ไม่สนใจเรื่องจิวเวลรี่
แต่อย่างใด ระหว่างช่วงดินเนอร์กับเพื่อนของผม เขารู้จักผู้บริหารหญิงคนนี้ ผมเลยขอร้องให้เขาช่วยโทรหาเธอให้หน่อย เพราะเราต้องการ ball bearing เหล่านี้จริงๆ ซึ่งหลังจากผมโทรหาเธอแล้วเธอ
ได้ทราบว่ามันเป็นการผลิตให้กับ Tiffany เธอจึงตอบรับการผลิต 
ball bearing รุ่นลิมิเต็ดที่สั่งทำขึ้นพิเศษเพื่อนาฬิการุ่นนี้โดยเฉพาะ ขั้นตอนเหล่านี้ต้องใช้เวลานานราวปีครึ่งกว่าจะได้มาซึ่งอัญมณีใน
เฉดสีที่ต้องการ ตัวนก และระบบ ball bearing

มาถึงนาฬิกา Bird on a Flying Tourbillon ซึ่งน่าจะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของแบรนด์ไฮจิวเวลรี่ที่เลือกผลิตนาฬิกาคอมพลิเคชันนี้เป็นหนึ่งในคอลเลกชันนาฬิกา
ไฮจิวเวลรี่ ทำไมถึงต้องเป็น Flying Tourbillon 

เพราะมันเป็นนกที่กำลังบิน นั่นเป็นเหตุผลหลักเหตุผลเดียวเลยครับ ซึ่งเราคิดว่าเป็นการเชื่อมโยงที่น่าสนุกดี และอย่างที่เห็นว่าตัวเรือนนาฬิกายังคงค่อนข้างบาง ซึ่งเราต้องการสเปซกว้างพอสมควรสำหรับตัวนก เราจึงไปหาโรงงานซึ่งเป็นโรงงานที่ผลิตกลไกนาฬิกาชั้นสูง และขอให้พวกเขาผลิตกลไกทูร์บิญองให้เรา ซึ่งต้องเหลือพื้นที่พอสำหรับตัวนก และไม่ทำให้ตัวเรือนหนาจนเกินกว่า 9 มม.      

นอกเหนือจากนั้น บนกรงทูร์บิญองยังครอบไว้ด้วยคริสตัลเจียระไนเหลี่ยมเพชร เพื่อให้สะท้อนประกายในยามต้องแสง ด้านหลังเราจะเห็นการฝังเพชรตามแบบฉบับ Tiffany สะพานจักรสองชิ้นที่มีรูปแบบอ้างอิงมาจากหนามเตย 6 ก้านของตัวเรือนรองรับแหวนของ Tiffany ชิ้นส่วนกลไกยังฝังเพชรแบบ snow-setting ซึ่งให้สัมผัสที่เรียบลื่นมากๆ 

แผ่นหน้าปัดเทอร์ควอยส์ที่ทำด้วยเทคนิค marquetry เป็นรูปก้อนเมฆก็เป็นส่วนที่ยาก เราใช้เทอร์ควอยส์มาจากเหมือง Sleeping Beauty ในสหรัฐอเมริกาที่ตอนนี้เลิกกิจการไปแล้ว ซึ่งเป็นเหมืองเดียวที่สามารถหาเทอร์ควอยส์ที่ไม่มีจุดดำหรือลวดลาย จากนั้นนำไปตัดเป็นแผ่นบางแล้วประกอบเข้าด้วยกัน

สำหรับนาฬิกา Bird on a Flying Tourbillon ล่าสุดที่เพิ่งเผยโฉมในปีนี้ถือว่าเป็นการยกระดับขั้นตอนการผลิตให้
ซับซ้อนขึ้นหรือเปล่า 

มันอาจจะซับซ้อนขึ้นในแง่ของงานช่างฝีมืออย่างเทคนิคอีนาเมลแบบ champlevé แต่ความยากที่แท้จริงยังคงอยู่ที่การเฟ้นหาเทอร์ควอยส์
นี่แหละครับ เรายังมองหาเทอร์ควอยส์ที่ไม่มีจุดด่างเพื่อนำมาสลัก แต่
เมื่อเราหาเทอร์ควอยส์ในลักษณะที่ต้องการได้แล้ว ขั้นตอนการลงอีนาเมลยังไม่
ซับซ้อนเท่าตัว Bird on a Flying Tourbillon ซึ่งในส่วนกลไกเรายังคงใช้กลไกเดียวกันครับ    

หลังจาก Bird on a Flying Tourbillon แล้ว ในอนาคตคุณมีแพลนที่จะยกระดับในเชิงกลไกขับเคลื่อนนาฬิกาไฮจิวเวลรี่ของ Tiffany ให้เหนือชั้นไปอีกขั้นหรือไม่

เรายังคงให้ความสำคัญเรื่องดีไซน์มาเป็นลำดับแรก เพราะฉะนั้นกลไกต้องเติมเต็มความต้องการในเชิงดีไซน์ได้ เพราะเราเป็นช่างอัญมณี ถ้าเราหากลไกที่ตอบโจทย์ด้านดีไซน์ไม่ได้ เราก็จะสั่งทำขึ้นพิเศษ 

อย่างที่เห็นในนาฬิกาคอลเลกชัน Tiffany Rope ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไกควอตซ์ แต่ผมคิดว่าเป็นกลไกที่น่าสนใจทีเดียว เพราะมันกักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ด้วยระบบ solar system ที่ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์ 
ซึ่งถ้าพูดถึงนาฬิกาควอตซ์แล้ว คุณต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ภายใน
ทุกๆ 2-3 ปี แต่สำหรับนาฬิการุ่นนี้ไม่มีปัญหาเรื่องนั้นอีกต่อไป เพราะมีเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถกักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ได้
โดยไม่ต้องเจาะรูบนหน้าปัด ซึ่งนับเป็นสิ่งใหม่ แต่สำหรับ Tiffany Rope เราสามารถทำได้ผ่านหน้าปัดเปลือกหอยมุก เพียงแค่อยู่
กลางแจ้งสัก 2 นาที ก็สามารถกักเก็บพลังงานได้ถึง 24 ชั่วโมงแล้ว แต่ถ้าหากชาร์จอย่างเต็มที่จะสามารถกักเก็บพลังงานได้นานถึง 
8 เดือน และไม่ต้องนำไปเข้าศูนย์บริการยาวนานถึง 15 ปี ดังนั้นจึง
เห็นได้ว่า เราสามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในนาฬิกาควอตซ์ก็ได้เช่นกัน

Tiffany Rope นาฬิกากลไกควอตซ์ที่กักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์

นาฬิกาใหม่ๆ รุ่นไหนได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีที่สุด

ตอบยากครับ เพราะทุกรุ่นยังออกมาไม่นานนัก แต่ Bird on a Rock ก็ทำได้ค่อนข้างดี เพราะเรามีอัญมณีที่แตกต่างกันให้เลือก แต่ที่ได้รับการตอบรับดีที่สุดคงเป็นรุ่น Tiffany’s Rainbow ส่วนรุ่นอื่นๆ ยังเพิ่งออกมาเมื่อกลางปีนี้เอง แต่ ณ ตอนนี้ผมพอใจมาก เพราะสำหรับแผนกนาฬิกาแล้วมีความต้องการจากลูกค้าที่ควบคู่กันไปกับจิวเวลรี่ ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ Bird on a Rock นาฬิกาจิวเวลรี่ที่มีขนาด 44 มม. ดูเหมือนขนาดค่อนข้างใหญ่แต่ก็ไม่ใหญ่จนเกินไป  

ก้าวต่อไปสำหรับแผนกนาฬิกาของ Tiffany’s & Co. จะเป็นเช่นไร เราคงต้องรอชมในงาน LVMH Watch Week ในปีหน้าที่จะจัดขึ้นปลายเดือนมกราคม 2026 ณ กรุงมิลาน ซึ่งขอเดาว่า เราคงได้เห็นเจ้านกน้อยเกาะอยู่บนหน้าปัดหรือกลไกบางอย่างที่จะปลุกจินตนาการของเราให้ล่องลอยไปสู่ดินแดนแสนมหัศจรรย์อีกครั้ง

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่:   

Past/Present/Future บทสนทนาว่าด้วยอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของ URWERK

Wrist Check: BOUCHERON Winter Wonderland ส่องนาฬิกาของเหล่าแอมบาสเดอร์ ในแคมเปญพิเศษ

Making Time: การสร้างสรรค์เวลาจากโรงงาน La Fabrique du Temps Louis Vuitton

Share post:

More like this

Richard Mille บิดาแห่งนาฬิกาสมัยใหม่ การเดินทางในช่วงสองทศวรรษ และทำไม ‘ปรัชญาไร้การประนีประนอม’ จึงเปลี่ยนวงการไปตลอดกาล

ย้อนรอยตำนาน Richard Mille ตั้งแต่ RM 001 จนถึง Carbon TPT® ทำไมแบรนด์นี้ถึงเป็นบิดาแห่งนาฬิกาสมัยใหม่ และสถานะ Hyper-Luxury ในไทยตอนนี้เป็นอย่างไร? เจาะลึกความสัมพันธ์ระหว่างวิศวกรรม F1 กับนาฬิกามูลค่าหลายล้านที่สวมใส่ได้จริงในสนามแข่ง อ่านบทวิเคราะห์ฉบับสมบูรณ์

Making Time: การสร้างสรรค์เวลาจากโรงงาน La Fabrique du Temps Louis Vuitton

ภายใต้หลังคาเดียวกัน La Fabrique du Temps Louis Vuitton ได้รวบรวมพลังสร้างสรรค์เบื้องหลัง Louis Vuitton, Gérald Genta, และ Daniel Roth ในงาน Dubai Watch Week โรงงานแห่งนี้ได้จัดแสดงผลงานสร้างสรรค์ใหม่ที่เฉลิมฉลองแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละเมซงในด้านงานฝีมือและนวัตกรรม

เจาะลึกแก่นแท้แห่งกาลเวลาไปกับ Bernhard Lederer และศิลปะแห่งเอสเคปเมนต์

Bernhard Lederer การไล่ล่าความสมบูรณ์แบบสูงสุดในจังหวะการเต้นของหัวใจนาฬิกา และการสานต่อความฝันของปรมาจารย์แห่ง Escapement

นาฬิกากับบทบาทในโลกภาพยนตร์และซีรีส์ : โอกาสแจ้งเกิดอันทรงพลังบนหน้าจอ

ไม่ใช่แค่การตลาดแต่นาฬิกาที่ตัวละครสวมใส่ในภาพยนตร์มีบทบาทมากกว่านั้น “หรูไปไม่มีหรอก ทำตัวให้สมกับนาฬิกาที่ใส่ซะ” ซีรีส์ 'สงครามส่งด่วน' - Netflix เชื่อว่าหลายคนที่ได้ดู  ‘สงครามส่งด่วน’...