Hermès Cut เมื่อเวลาไม่ได้ถูกควบคุม แต่ถูกสลักเสลาอย่างเด็ดขาด
Hermès Cut เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงาน Watches & Wonders Geneva ปี 2024 นั่นคือการประกาศจุดยืนของแอร์เมสในฐานะ “ผู้เล่นแห่งห้วงเวลา” ที่กล้าจะท้าทายขนบเดิม ๆ โดยเปลี่ยนบทบาทจากเครื่องมือวัดค่า มาเป็น “วัตถุแห่งการสร้างสรรค์” ที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาและจิตวิญญาณแห่งความอิสระ

ปรัชญาการ “ตัด” ที่เด็ดขาด (The Art of the Uncompromising Cut)
หัวใจของ Hermès Cut คือการตีความรูปทรงเรขาคณิตที่เรียบง่ายที่สุดอย่าง “วงกลม” แต่ถูกนำเสนอด้วยความซับซ้อนที่เกิดจากความแม่นยำของช่างฝีมือ
“แรงบันดาลใจจากรูปทรงอันเรียบง่าย ไร้กาลเวลา และร่วมสมัย ซึ่งช่างศิลป์ได้ทำการ 'ตัด' ลงบนโลหะอย่างแน่วแน่แม่นยำ เพื่อสร้าง วงกลมภายในรูปทรงกลม”
ชื่อ “Cut” จึงไม่ได้หมายถึงการตัดแบบธรรมดา แต่นั่นคือการสลักเสลาที่เฉียบคม (Sharp Lines) เพื่อสร้าง มุมตัด (Chamfers) ที่เล่นกับแสงได้อย่างน่าทึ่ง นี่คือสถาปัตยกรรมแห่งห้วงเวลาที่ตั้งใจสร้างมิติของความประหลาดใจแก่ผู้สัมผัส เป็นการรวมความสมดุลอันสง่างามเข้ากับความกล้าหาญทางภาพกราฟิก


โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่แฝงจิตวิญญาณ “All-Terrain”
แม้จะมีรูปลักษณ์ที่ดูมินิมัลลิสต์และสง่างาม แต่ Hermès Cut ถูกออกแบบมาพร้อมกับ “จิตวิญญาณแบบ All-Terrain” (พร้อมลุยทุกสถานการณ์) โดยมีองค์ประกอบสำคัญที่น่าสนใจ เช่น
- สัดส่วนที่ลงตัว: ตัวเรือนสตีลขนาด 36 มม. มีความโค้งมนที่รับกับข้อมืออย่างยอดเยี่ยม เน้นการสลับพื้นผิวระหว่างการขัดด้าน (Satin-Brushed) และการขัดเงา (Polished) เพื่อเน้นย้ำความแตกต่างของรูปทรง
- เม็ดมะยมแห่งความสะดวกสบาย: ถูกจัดวางอย่างชาญฉลาดที่ตำแหน่ง 1:30 นาฬิกา ซึ่งนอกจากจะเพิ่มเอกลักษณ์แล้ว ยังช่วยให้การสวมใส่สบายยิ่งขึ้น และลดการกดทับที่ข้อมือ
- หน้าปัดแห่งท้องนภา: สีฟ้าอ่อนโอปอล (Light Blue Opaline) ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสดชื่นของท้องฟ้า (Azure Freshness) เป็นสีที่มอบความเบาสบายและร่วมสมัย ตัวเลขอารบิกแบบนูนใช้ฟอนต์อันเป็นเอกลักษณ์ของแอร์เมสและเคลือบสารเรืองแสงอย่างสมบูรณ์


ความแตกต่างในรุ่นเดียวกันที่เกิดจากการ “ตัด”
ในฐานะคอลเลกชันใหม่ที่สมบูรณ์แบบในปี 2024 ความแตกต่างที่แท้จริงใน Hermès Cut จึงไม่ใช่การเปรียบเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แต่คือการเลือกสรร “ทางเลือกขององค์ประกอบ” ที่หลากหลาย เพื่อให้ผู้สวมใส่ค้นพบตัวตนที่สะท้อนบุคลิกของตนเองได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น
ตัวเลือกหลากหลายรูปแบบบนเรือนเวลา 36 มม. คอลเลกชันนี้มอบทางเลือกของความหรูหราที่ผ่อนคลายผ่านวัสดุที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เริ่มจาก รุ่นสตีลล้วน ที่เน้นความบริสุทธิ์ของรูปทรงและฝีมือการขัดเงาอย่างชัดเจน ไปจนถึง รุ่นสตีลประดับเพชร ที่เพิ่มประกายแสงด้วยเพชร 56 เม็ดบนขอบหน้าปัด โดยยังคงรักษาลายเส้น “Cut” ที่เฉียบคมไว้ได้อย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ยังมีทางเลือกที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและคลาสสิกมากขึ้นอย่าง รุ่นทูโทน (สตีลและโรสโกลด์) ซึ่งผสานความแข็งแกร่งของสตีลเข้ากับความนุ่มนวลของโรสโกลด์ที่บริเวณขอบหน้าปัดและข้อต่อสาย และปิดท้ายด้วย รุ่นทูโทนประดับเพชร ซึ่งเป็นการรวมองค์ประกอบหรูหราทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว



กลไกและมิติแห่งการปรับเปลี่ยน
นอกเหนือจากความสวยงามภายนอกแล้ว Hermès Cut ยังเปี่ยมด้วยความน่าเชื่อถือภายในด้วย กลไกไขลานอัตโนมัติ Manufacture Hermès H1912 ซึ่งเป็นกลไกที่รังสรรค์ขึ้นเองโดยโรงงานของแอร์เมสในสวิตเซอร์แลนด์
ความยืดหยุ่นของสไตล์ คือจุดเด่นที่ขาดไม่ได้ ด้วยระบบถอดเปลี่ยนสายได้ (Interchangeable System) ที่ใช้งานง่าย ผู้สวมใส่จึงสามารถปรับเปลี่ยนอารมณ์ของนาฬิกาได้ทันที จากสายสร้อยข้อมือโลหะที่มีข้อต่อโค้งมนอันสง่างาม ไปสู่สายยางที่มีสีสันต่าง ๆ ของแอร์เมสได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเรือนล่าสุดที่เพิ่งออกมานี้ มาพร้อมสายยางสี Mist Blue (ฟ้าหมอก) เหมือนบ่งบอกถึงการเปลี่ยนบุคลิกของนาฬิกาจากความสุขุมเป็นความสปอร์ต พร้อมลุยได้อย่างทันท่วงที


ไม่ว่าผู้สวมใส่จะเลือกองค์ประกอบใด ทุกเรือนของ Hermès Cut ล้วนใช้กลไก Manufacture Hermès H1912 และมีเม็ดมะยมที่ตำแหน่ง 1:30 นาฬิกา ซึ่งเป็นองค์ประกอบใหม่ที่บ่งบอกถึง DNA ของคอลเลกชันนี้อย่างชัดเจน
แม้จะเป็นการอัพเดตเพียงเล็กน้อยแต่ก็เป็นการย้ำเตือนว่า แอร์เมสคือผู้รังสรรค์ “วัตถุ” ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นดั่งมิตรสหายคู่ใจ ที่มอบช่วงเวลาแห่งความสุข ความผ่อนคลาย และความอิสระในการแสดงออกถึงสไตล์ที่แท้จริง
ข้อมูลทางเทคนิค
- ตัวเรือน: สตีลขนาด 36 มม. ขอบสตีลประดับเพชร 56 เม็ด โดดเด่นด้วยเม็ดมะยมที่ถูกวางไว้ระหว่าง 1:30 นาฬิกา
- หน้าปัด: สีฟ้าอ่อนโอปอล (Light Blue Opaline) ดุจสีท้องฟ้า ตัวเลขอารบิกแบบนูนพร้อมสารเรืองแสง
- ฟังก์ชั่น: แสดงชั่วโมง นาที และวินาที
- กลไก: ขับเคลื่อนด้วยระบบไขลานอัตโนมัติ (Automatic) กลไก Manufacture Hermès H1912
- สาย: มีระบบถอดเปลี่ยนสายได้ (Interchangeable System) รองรับทั้งสายสร้อยข้อมือโลหะ และสายยางสีต่าง ๆ
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
นาฬิกา Grand Seiko ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ
Louis Vuitton Tambour Convergence สไตล์วินเทจมินิมัลที่ดูร่วมสมัย พร้อมลีลาการบอกเวลาที่แตกต่าง
Santos de Cartier Titanium การบุกเบิกครั้งใหม่ด้วยไทเทเนียมและจิตวิญญาณนักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่

