เปิดโลกการเดินทางบนข้อมือกับ 5 สุดยอดนาฬิกาหน้าปัดแผนที่ที่ผสมผสานงานศิลป์และกลไกซับซ้อนอย่างลงตัว
สำหรับนักเดินทางผู้โหยหาการผจญภัย หรือนักสะสมที่หลงใหลในงานฝีมืออันประณีต นาฬิกาเป็นเสมือนแผนที่นำทางสู่จินตนาการ เป็นสัญลักษณ์แห่งการสำรวจ และเป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่รวบรวมโลกทั้งใบมาไว้บนข้อมือของคุณ
นาฬิกาหน้าปัดแผนที่ (Map Dial Watches) คือนิยามของการผสานสองโลกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นภาพแผนที่โลกที่ละเอียดอ่อนบนหน้าปัด เทคนิคการลงยาอันวิจิตร หรือกลไก World Time อันชาญฉลาดที่ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับทุกไทม์โซนทั่วโลกได้ในพริบตา ในคอลัมน์นี้ เราจะพาคุณไปสำรวจ 5 สุดยอดนาฬิกา “Must-Have” ที่จะปลุกจิตวิญญาณนักเดินทางในตัวคุณ และพาคุณออกเดินทางรอบโลกได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
1. Patek Philippe World Time (รุ่นที่แนะนำ: Ref. 5231G / 5231R)
แนวคิด: Patek Philippe ถือเป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำในด้านนาฬิกา World Time ที่แท้จริง ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการพัฒนากลไกที่แสดงเวลาทั่วโลกได้อย่างชาญฉลาด รุ่น 5231G และ 5231R คือการรวมเอาสุดยอดงานหัตถศิลป์เข้ากับความซับซ้อนทางกลไกได้อย่างลงตัว หน้าปัดแผนที่โลกที่สร้างสรรค์ด้วยเทคนิค Grand Feu Cloisonné Enamel ถือเป็นไฮไลต์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ความโดดเด่น:
การออกแบบที่คลาสสิกและสง่างาม: ตัวเรือนทองคำขาว (5231G) หรือทองคำชมพู (5231R) ขนาดกำลังดี เข้าได้กับทุกโอกาส ผสานความหรูหราแบบดั้งเดิมเข้ากับฟังก์ชันที่ทันสมัยได้อย่างลงตัว
Grand Feu Cloisonné Enamel Dial: นี่คือหัวใจสำคัญของรุ่นนี้ แผนที่โลกบนหน้าปัดถูกสร้างขึ้นด้วยเทคนิคการลงยาแบบโบราณที่ต้องใช้ความชำนาญสูงมาก ลวดลายของทวีปและมหาสมุทรถูกกั้นด้วยเส้นทองบางๆ ก่อนจะลงยาเคลือบหลายชั้นแล้วนำไปเผาในอุณหภูมิสูงกว่า 800 องศาเซลเซียสหลายครั้ง ทำให้ได้หน้าปัดที่มีสีสันสดใส ลึกซึ้ง และมีมิติเสมือนจริง แต่ละหน้าปัดจึงเป็นงานศิลปะชิ้นเดียวในโลก
ใช้งานง่าย (World Time Function): ระบบ World Time ของ Patek Philippe โดดเด่นด้วยการปรับเปลี่ยนเวลาของทุกเขตเวลาได้อย่างพร้อมเพรียงกัน เพียงแค่กดปุ่มเดียว เข็มชั่วโมง เข็มนาที และวงแหวน 24 ชั่วโมง รวมถึงชื่อเมือง ก็จะเปลี่ยนไปตามเขตเวลาที่คุณต้องการตั้งค่า
ข้อมูลทางเทคนิค
- กลไก: Caliber 240 HU (Self-winding mechanical movement)
- ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที World Time (แสดงเวลา 24 เขตเวลาพร้อมกัน วงแหวนกลางวัน/กลางคืน) วงแหวนชื่อเมือง พลังงานสำรองประมาณ 48 ชั่วโมง กันน้ำ 30 เมตร
- วัสดุตัวเรือน: 18K White Gold (5231G) หรือ 18K Rose Gold (5231R)
- ขนาดตัวเรือน: ประมาณ 38.5 มม.
- หน้าปัด: Grand Feu Cloisonné Enamel ด้วยแผนที่ทวีปยุโรป แอฟริกา อเมริกา (5231G) หรือ เอเชีย โอเชียเนีย (5231R)
- กระจก: Sapphire crystal

2. Vacheron Constantin Métiers d’Art Tribute to Explorer Naturalists – Cap de Bonne-Espérance (Ref. 7500U/000R-B994)
แนวคิด: Vacheron Constantin ในคอลเลกชัน Métiers d’Art (ศิลปะหัตถศิลป์) นำเสนอผลงานอันเป็นเลิศที่ผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านนาฬิกาเข้ากับงานศิลปะชั้นสูงได้อย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะซีรีส์ “Tribute to Explorer Naturalists” ที่ยกย่องการเดินทางสำรวจทางวิทยาศาสตร์ของนักธรรมชาติวิทยาที่สำรวจมหาสมุทรทั่วโลกด้วยเรือ Beagle ของอังกฤษในช่วงต้นทศวรรษที่ 1830 รุ่น Cap de Bonne-Espérance นี้เป็นหนึ่งในลิมิเต็ดเอดิชั่น 4 เซ็ต ชุดละ 10 เรือน ที่เผยให้เห็นถึงสุนทรียภาพทั้งสองด้านของเรื่องราวผ่านการผสมผสานระหว่างการแกะสลักด้วยมือและการเคลือบอีนาเมลอย่างน่าประทับใจ

ความโดดเด่น:
Limited Edition: ด้วยจำนวนการผลิตที่จำกัดเพียง 10 เรือนต่อเซ็ต ทำให้เป็นนาฬิกาที่หายากและเป็นที่ต้องการของนักสะสมอย่างมาก
Hand-Engraved and Grand Feu Enamelled Dial: หน้าปัดของรุ่นนี้คือจุดเด่นที่แท้จริง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากนักธรรมชาติวิทยาแห่งศตวรรษที่ 19 ด้านบนตกแต่งด้วยลวดลายสัตว์ที่แกะสลักด้วยมือแบบ 3 มิติ ตัดกับพื้นหลังขนาดย่อส่วนลงยาแบบกรองด์ เฟอ (Grand Feu Enamel) ที่มีความลึกและสีสันที่คงทน ถัดลงมาด้านล่างเป็นแผนที่ทางทะเลโบราณของแหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) ที่ถูกย่อส่วนและลงยาแบบกรองด์ เฟออย่างวิจิตรบรรจง
Satellite Time Display: โดดเด่นด้วยโมดูลดาวเทียมที่แสดงช่องชั่วโมง โดยมีหลักชั่วโมงเป็นตัวเลขอารบิก ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจในการบอกเวลา
Manufacture Caliber 1120 AT/1: ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ Caliber 1120 AT/1 ซึ่งเป็นกลไกที่บางเฉียบและซับซ้อน กลไกนี้ได้รับการประทับตราด้วยเครื่องหมายรับรองคุณภาพของเจนีวา (Geneva Seal) ซึ่งเป็นการรับประกันถึงความเป็นเลิศในด้านงานฝีมือ ความเที่ยงตรง และความน่าเชื่อถือ


ข้อมูลทางเทคนิค
- กลไก: Caliber 1120 AT/1 (Self-winding mechanical movement)
- ฟังก์ชัน: แสดงเวลาตามดาวเทียมโคจรสามดวง บอกนาที พลังงานสำรอง (Power Reserve) 40 ชั่วโมง
- ตัวเรือน: 18K พิงค์โกลด์ ขนาดตัวเรือน 41 มม. ความหนาตัวเรือน 11.68 มม.
- หน้าปัด: หน้าปัด Métiers d’Art ทอง 18K ตกแต่งลวดลายสัตว์แกะสลัก 3 มิติ และพื้นหลังลงยาแบบกรองด์ เฟอ พร้อมแผนที่ทางทะเลโบราณของแหลมกู๊ดโฮป กระจก คริสตัลแซฟไฟร์ (พร้อมฝาหลังแบบโปร่งใส) กันน้ำ 30 ม.
- สายนาฬิกา: หนังจระเข้สีเขียว พร้อมหัวล็อคแบบพับสามชั้น 18K พิงค์โกลด์

3. Breguet Classique Hora Mundi (รุ่นที่แนะนำ: Ref. 5717BR/AS/9ZU)
แนวคิด: Breguet หนึ่งในแบรนด์นาฬิกาเก่าแก่ที่สุดและเป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมมากมาย นำเสนอ Classique Hora Mundi ในฐานะนาฬิกา World Time ที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชันการแสดงเวลาสองเขตเวลาแบบ “Instant-Jump Time Zone” ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมหน้าปัดที่แสดงแผนที่โลกที่แกะสลักด้วยมืออย่างประณีตสะท้อนถึงความหรูหราและงานฝีมืออันเป็นเลิศ รุ่น 5717BR/AS/9ZU โดยเฉพาะหน้าปัดสีเงินพร้อมแผนที่เอเชียและโอเชียเนียที่แกะสลักด้วยมือและลงยาใส มอบความงดงามที่เหนือระดับ

ความโดดเด่น:
High-End Manufacture Movement: ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 77F0 ที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงานของ Breguet เอง ซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วนถึง 395 ชิ้น และได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรตามมาตรฐานสูงสุด แสดงถึงความเป็นเลิศด้านการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูง
Instant-Jump Time Zone: นี่คือฟังก์ชันพิเศษที่จดสิทธิบัตรของ Breguet ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนไปแสดงเวลาของเขตเวลาที่สองที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพียงแค่กดปุ่มที่ตำแหน่ง 8 นาฬิกา โดยที่วันที่และวงแหวนกลางวัน/กลางคืนก็จะปรับตามโดยอัตโนมัติ ทำให้การเดินทางข้ามทวีปง่ายดายอย่างไม่เคยมีมาก่อน
Hand-Engraved Map Dial with Translucent Lacquer: หน้าปัดของ Hora Mundi รุ่นนี้โดดเด่นด้วยแผนที่ทวีปเอเชียและโอเชียเนียที่ถูกแกะสลักด้วยมืออย่างละเอียดอ่อนบนแผ่นทองคำ และเคลือบด้วยแลคเกอร์โปร่งแสงสีน้ำตาลทอง ซึ่งเผยให้เห็นความลึกและรายละเอียดของพื้นผิวที่แกะสลักได้อย่างงดงาม นอกจากนี้ยังมีวงแหวน 24 ชั่วโมงพร้อมตัวระบุกลางวัน/กลางคืนที่แสดงดวงอาทิตย์แกะสลักด้วยมือ และดวงจันทร์ทำจากไทเทเนียม
Classic Breguet Aesthetics: นาฬิกามีการออกแบบตามแบบฉบับของ Breguet ที่เป็นอมตะ ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนทองคำชมพู 18K ขนาด 43 มม. ที่มีขอบหยักอันเป็นเอกลักษณ์, ขาตัวเรือนที่เชื่อมติดอย่างประณีต, เข็ม Breguet แบบปลายกลวง และหน้าปัดย่อยวันที่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา


ข้อมูลทางเทคนิค
- กลไก: Calibre 77F0 (Self-winding mechanical movement)
- ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที วินาทีกลาง Instant-Jump Time Zone พร้อมแสดงชื่อเมืองและกลางวัน/กลางคืน (วงแหวน 24 ชั่วโมง) วันที่ (Aperture Date)
- พลังงานสำรอง: 55 ชั่วโมง
- วัสดุตัวเรือน: 18K Rose Gold
- ขนาดตัวเรือน: 43 มม.
- หน้าปัด: แผนที่ทวีปเอเชียและโอเชียเนียแกะสลักด้วยมือบนทองคำและเคลือบด้วยแลคเกอร์โปร่งแสงสีน้ำตาลทอง กระจก Sapphire crystal (พร้อมฝาหลังโปร่งใส) กันน้ำ 30 เมตร
- สายนาฬิกา: หนังจระเข้
- ผลิตในประเทศ: สวิสเซอร์แลนด์

4. Jaeger-LeCoultre Master Grande Tradition Calibre 948
แนวคิด: Jaeger-LeCoultre Master Grande Tradition Calibre 948 เป็นผลงานระดับสูงที่ผสมผสานความซับซ้อนทางกลไกเข้ากับงานศิลปะอันวิจิตรได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยกลไก World Time ที่มาพร้อม Flying Tourbillon ที่หมุนรอบหน้าปัดใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ Jaeger-LeCoultre จดสิทธิบัตรไว้ หน้าปัดแผนที่โลกที่สร้างสรรค์ด้วยเทคนิคการลงยาแบบ Champlevé Enamel สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญด้าน Métiers Rares™ (ศิลปะหัตถศิลป์หายาก) ของแบรนด์ ทำให้เป็นนาฬิกาที่แสดงถึงความเป็นเลิศทั้งด้านเทคนิคและความงาม

ความโดดเด่น:
Elegant Case Design: ตัวเรือนทองคำชมพู 18K ขนาด 43 มม. มีการออกแบบที่หรูหราและประณีต ผสมผสานการขัดเงา การปัดลายซาติน และการพ่นทราย เพื่อสร้างมิติและความซับซ้อนที่สอดคล้องกับหน้าปัด
World Time with Orbital Flying Tourbillon: นี่คือจุดเด่นที่สุดของรุ่นนี้ กลไก Calibre 948 เป็นการรวมฟังก์ชัน World Time เข้ากับ Flying Tourbillon ที่หมุนรอบหน้าปัดครบ 360 องศาใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเลียนแบบการหมุนของโลก ทำให้เป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนและน่าตื่นตาตื่นใจ
Champlevé Enamel Dial: หน้าปัดโดมรูปแผนที่โลกถูกสร้างสรรค์ด้วยเทคนิค Champlevé Enamel ที่ซับซ้อน โดยการแกะสลักโลหะให้เป็นร่องแล้วเติมด้วยชั้นของอีนาเมลหลายชั้น ก่อนจะนำไปเผาที่อุณหภูมิสูง ทำให้ได้แผนที่โลกที่มีมิติ สีสันสดใส และรายละเอียดที่ประณีต โดยเฉพาะรุ่นหน้าปัดสีเขียวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก
Manufacture Movement Calibre 948: ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 948 ที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงานของ Jaeger-LeCoultre เอง ประกอบด้วยชิ้นส่วนถึง 388 ชิ้น สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูง


ข้อมูลทางเทคนิค
- กลไก: Calibre 948 (Self-winding mechanical movement)
- ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที World Time (แสดง 24 เขตเวลา) แผนที่โลก Orbital Flying Tourbillon (หมุนรอบหน้าปัด 24 ชั่วโมง) พลังงานสำรอง 48 ชั่วโมง
- ตัวเรือน: 18K พิงค์โกลด์ ขนาดตัวเรือน 43 มม. ความหนาตัวเรือน 14.13 มม.
- หน้าปัด: แผนที่โลกโดมลงยา Champlevé Enamel (มักเป็นสีเขียวหรือน้ำเงิน) พร้อมวงแหวนชื่อเมืองและ 24 ชั่วโมง กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ (ทั้งด้านหน้าและฝาหลังโปร่งใส) กันน้ำ 50 เมตร
- สายนาฬิกา: หนังจระเข้ (มักเป็นสีดำ) พร้อมหัวล็อคแบบพับ 18K พิงค์โกลด์
- ผลิตในประเทศ: สวิสเซอร์แลนด์

5. Hermès Arceau Le Temps Voyageur
แนวคิด: Hermès Arceau Le Temps Voyageur เป็นนาฬิกาที่นำเสนอแนวคิด World Time ที่แปลกใหม่และเปี่ยมด้วยบทกวี หน้าปัดประกอบด้วยแผนที่ “Planetary Lavish” ซึ่งเป็นภาพแผนที่โลกในจินตนาการที่ออกแบบโดย Jérôme Colliard พร้อมกลไก “Traveling Time” ที่จดสิทธิบัตรโดย Hermès Horloger ให้เข็มชั่วโมงและนาทีลอยอยู่เหนือแผนที่ และสามารถเคลื่อนที่ไปตามเขตเวลาต่างๆ ได้ด้วยการกดปุ่ม เป็นการผสมผสานศิลปะ ความซับซ้อน และจิตวิญญาณแห่งการเดินทางไว้อย่างลงตัว

ความโดดเด่น:
Hermès Manufacture Movement: ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ H1837 ของ Hermès พร้อมโมดูล “Traveling Time” ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในด้านการผลิตนาฬิกาคุณภาพสูง
“Traveling Time” Mechanism: นี่คือกลไกหลักที่โดดเด่นของรุ่นนี้ แทนที่จะมีเข็ม GMT หรือวงแหวนชื่อเมืองหมุนรอบ ระบบนี้มีโมดูลย่อยที่แสดงเวลาในรูปแบบชั่วโมงและนาทีซึ่ง “ลอย” อยู่เหนือแผนที่ และสามารถเลื่อนไปตามวงแหวนชื่อเมืองรอบนอกได้ด้วยการกดปุ่ม ทำให้การสลับเขตเวลาเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจและใช้งานง่าย
“Planetary Lavish” Map Dial: หน้าปัดนำเสนอแผนที่โลก “Planetary Lavish” ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยศิลปิน Jérôme Colliard ซึ่งเป็นภาพแผนที่โลกในจินตนาการที่ละเอียดอ่อนและสวยงาม ไม่ใช่แผนที่จริง แต่เป็นการตีความที่สื่อถึงการเดินทางและโลกอันกว้างใหญ่
Arceau Case Design: ตัวเรือนทรงกลม Arceau อันเป็นเอกลักษณ์ของ Hermès ที่มีหูหิ้วสายนาฬิกาแบบไม่สมมาตรที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการขี่ม้า มอบความสง่างามและเป็นที่จดจำ
ข้อมูลทางเทคนิค
- กลไก: Hermès H1837 (Self-winding mechanical movement) พร้อมโมดูล “Traveling Time”
- ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที World Time (แสดงเวลาสองเขตเวลาด้วยโมดูล Traveling Time และวงแหวนชื่อเมือง 24 เมือง) พลังงานสำรองประมาณ 50 ชั่วโมง
- วัสดุตัวเรือน: Stainless Steel หรือ Platinum (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) ขนาดตัวเรือน 41 มม.
- หน้าปัด: แผนที่ “Planetary Lavish” แบบพิมพ์หรือแกะสลักพร้อมโมดูลแสดงเวลา Traveling Time กระจก Sapphire crystal (ทั้งด้านหน้าและฝาหลังโปร่งใส) กันน้ำ 30 เมตร
- สายนาฬิกา: หนังจระเข้หรือหนังลูกวัว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย)
- ผลิตในประเทศ: สวิสเซอร์แลนด์

จาก Patek Philippe ที่เปรียบเสมือนงานศิลปะบนข้อมือ ไปจนถึง Hermès ที่นำเสนอการเดินทางของเวลาในรูปแบบบทกวี นาฬิกาหน้าปัดแผนที่เหล่านี้ เป็นดั่งสัญลักษณ์ของความหลงใหลในการเดินทาง การสำรวจ และงานฝีมืออันประณีตที่ไร้กาลเวลา ไม่ว่าคุณจะเป็นนักสะสมตัวยง หรือกำลังมองหานาฬิกาเรือนพิเศษที่จะเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปกับคุณทุกที่ นาฬิกาในลิสต์ “Must-Have” นี้จะช่วยเติมเต็มความฝันในการท่องโลกกว้างของคุณได้อย่างแน่นอน ลองเลือกเรือนที่สะท้อนตัวตนและแรงบันดาลใจในการเดินทางของคุณมากที่สุด แล้วให้แผนที่โลกบนข้อมือของคุณเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่
และนาฬิกาทั้ง 5 เรือนนี้เป็นตัวแทนของความปรารถนาในการค้นพบโลกกว้าง และเป็นผลงานศิลปะที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางผ่านงานฝีมืออันไร้ที่ติบนหน้าปัดแผนที่ ฝากติดตามบทความอื่นๆ ของเรา และหวังว่าคุณจะได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางผ่านเรือนเวลาเหล่านี้ หากคุณชื่นชอบการสำรวจเรื่องราวเบื้องหลังนาฬิกาอันเป็นเอกลักษณ์ หรือต้องการค้นพบโลกแห่งเรือนเวลาในแง่มุมอื่นๆ
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่:
5 นาฬิกาเซรามิค เรือนเวลาแห่งความงามที่แฝงความทนทาน
Must-Have: เดินทางอย่างมีสไตล์กับ 5 นาฬิกาที่คู่ควรทุกจุดหมาย
Must-Have Pilot Watches | รวม 5 นาฬิกานักบินที่ควรมีในชีวิต

