Must-Have: รวม 5 นาฬิกาหน้าปัดแผนที่ ผสานงานศิลป์และกลไก World Time ที่จะปลุกจิตวิญญาณนักเดินทางในตัวคุณ

Date:

เปิดโลกการเดินทางบนข้อมือกับ 5 สุดยอดนาฬิกาหน้าปัดแผนที่ที่ผสมผสานงานศิลป์และกลไกซับซ้อนอย่างลงตัว

สำหรับนักเดินทางผู้โหยหาการผจญภัย หรือนักสะสมที่หลงใหลในงานฝีมืออันประณีต นาฬิกาเป็นเสมือนแผนที่นำทางสู่จินตนาการ เป็นสัญลักษณ์แห่งการสำรวจ และเป็นงานศิลปะชิ้นเอกที่รวบรวมโลกทั้งใบมาไว้บนข้อมือของคุณ

นาฬิกาหน้าปัดแผนที่ (Map Dial Watches) คือนิยามของการผสานสองโลกเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นภาพแผนที่โลกที่ละเอียดอ่อนบนหน้าปัด เทคนิคการลงยาอันวิจิตร หรือกลไก World Time อันชาญฉลาดที่ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับทุกไทม์โซนทั่วโลกได้ในพริบตา ในคอลัมน์นี้ เราจะพาคุณไปสำรวจ 5 สุดยอดนาฬิกา “Must-Have” ที่จะปลุกจิตวิญญาณนักเดินทางในตัวคุณ และพาคุณออกเดินทางรอบโลกได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

1. Patek Philippe World Time (รุ่นที่แนะนำ: Ref. 5231G / 5231R)

แนวคิด: Patek Philippe ถือเป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำในด้านนาฬิกา World Time ที่แท้จริง ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานในการพัฒนากลไกที่แสดงเวลาทั่วโลกได้อย่างชาญฉลาด รุ่น 5231G และ 5231R คือการรวมเอาสุดยอดงานหัตถศิลป์เข้ากับความซับซ้อนทางกลไกได้อย่างลงตัว หน้าปัดแผนที่โลกที่สร้างสรรค์ด้วยเทคนิค Grand Feu Cloisonné Enamel ถือเป็นไฮไลต์ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ความโดดเด่น:

การออกแบบที่คลาสสิกและสง่างาม: ตัวเรือนทองคำขาว (5231G) หรือทองคำชมพู (5231R) ขนาดกำลังดี เข้าได้กับทุกโอกาส ผสานความหรูหราแบบดั้งเดิมเข้ากับฟังก์ชันที่ทันสมัยได้อย่างลงตัว

Grand Feu Cloisonné Enamel Dial: นี่คือหัวใจสำคัญของรุ่นนี้ แผนที่โลกบนหน้าปัดถูกสร้างขึ้นด้วยเทคนิคการลงยาแบบโบราณที่ต้องใช้ความชำนาญสูงมาก ลวดลายของทวีปและมหาสมุทรถูกกั้นด้วยเส้นทองบางๆ ก่อนจะลงยาเคลือบหลายชั้นแล้วนำไปเผาในอุณหภูมิสูงกว่า 800 องศาเซลเซียสหลายครั้ง ทำให้ได้หน้าปัดที่มีสีสันสดใส ลึกซึ้ง และมีมิติเสมือนจริง แต่ละหน้าปัดจึงเป็นงานศิลปะชิ้นเดียวในโลก

ใช้งานง่าย (World Time Function): ระบบ World Time ของ Patek Philippe โดดเด่นด้วยการปรับเปลี่ยนเวลาของทุกเขตเวลาได้อย่างพร้อมเพรียงกัน เพียงแค่กดปุ่มเดียว เข็มชั่วโมง เข็มนาที และวงแหวน 24 ชั่วโมง รวมถึงชื่อเมือง ก็จะเปลี่ยนไปตามเขตเวลาที่คุณต้องการตั้งค่า

ความงดงามอันไร้กาลเวลาของ Patek Philippe World Time ที่มาพร้อมหน้าปัด Grand Feu Cloisonné Enamel รังสรรค์เป็นแผนที่โลกอันประณีต สัญลักษณ์แห่งการเดินทางและงานหัตถศิลป์ชั้นสูง
ข้อมูลทางเทคนิค
  • กลไก: Caliber 240 HU (Self-winding mechanical movement)
  • ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที World Time (แสดงเวลา 24 เขตเวลาพร้อมกัน วงแหวนกลางวัน/กลางคืน) วงแหวนชื่อเมือง พลังงานสำรองประมาณ 48 ชั่วโมง กันน้ำ 30 เมตร
  • วัสดุตัวเรือน: 18K White Gold (5231G) หรือ 18K Rose Gold (5231R)
  • ขนาดตัวเรือน: ประมาณ 38.5 มม.
  • หน้าปัด: Grand Feu Cloisonné Enamel ด้วยแผนที่ทวีปยุโรป แอฟริกา อเมริกา (5231G) หรือ เอเชีย โอเชียเนีย (5231R)
  • กระจก: Sapphire crystal

2. Vacheron Constantin Métiers d’Art Tribute to Explorer Naturalists – Cap de Bonne-Espérance (Ref. 7500U/000R-B994)

แนวคิด: Vacheron Constantin ในคอลเลกชัน Métiers d’Art (ศิลปะหัตถศิลป์) นำเสนอผลงานอันเป็นเลิศที่ผสมผสานความเชี่ยวชาญด้านนาฬิกาเข้ากับงานศิลปะชั้นสูงได้อย่างไร้ที่ติ โดยเฉพาะซีรีส์ “Tribute to Explorer Naturalists” ที่ยกย่องการเดินทางสำรวจทางวิทยาศาสตร์ของนักธรรมชาติวิทยาที่สำรวจมหาสมุทรทั่วโลกด้วยเรือ Beagle ของอังกฤษในช่วงต้นทศวรรษที่ 1830 รุ่น Cap de Bonne-Espérance นี้เป็นหนึ่งในลิมิเต็ดเอดิชั่น 4 เซ็ต ชุดละ 10 เรือน ที่เผยให้เห็นถึงสุนทรียภาพทั้งสองด้านของเรื่องราวผ่านการผสมผสานระหว่างการแกะสลักด้วยมือและการเคลือบอีนาเมลอย่างน่าประทับใจ

ความโดดเด่น:

Limited Edition: ด้วยจำนวนการผลิตที่จำกัดเพียง 10 เรือนต่อเซ็ต ทำให้เป็นนาฬิกาที่หายากและเป็นที่ต้องการของนักสะสมอย่างมาก

Hand-Engraved and Grand Feu Enamelled Dial: หน้าปัดของรุ่นนี้คือจุดเด่นที่แท้จริง โดยได้รับแรงบันดาลใจจากนักธรรมชาติวิทยาแห่งศตวรรษที่ 19 ด้านบนตกแต่งด้วยลวดลายสัตว์ที่แกะสลักด้วยมือแบบ 3 มิติ ตัดกับพื้นหลังขนาดย่อส่วนลงยาแบบกรองด์ เฟอ (Grand Feu Enamel) ที่มีความลึกและสีสันที่คงทน ถัดลงมาด้านล่างเป็นแผนที่ทางทะเลโบราณของแหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) ที่ถูกย่อส่วนและลงยาแบบกรองด์ เฟออย่างวิจิตรบรรจง

Satellite Time Display: โดดเด่นด้วยโมดูลดาวเทียมที่แสดงช่องชั่วโมง โดยมีหลักชั่วโมงเป็นตัวเลขอารบิก ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจในการบอกเวลา

Manufacture Caliber 1120 AT/1: ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลานอัตโนมัติ Caliber 1120 AT/1 ซึ่งเป็นกลไกที่บางเฉียบและซับซ้อน กลไกนี้ได้รับการประทับตราด้วยเครื่องหมายรับรองคุณภาพของเจนีวา (Geneva Seal) ซึ่งเป็นการรับประกันถึงความเป็นเลิศในด้านงานฝีมือ ความเที่ยงตรง และความน่าเชื่อถือ

Vacheron Constantin Métiers d’Art ผสมผสานศิลปะการแกะสลัก 3 มิติและเทคนิคลงยา Grand Feu Enamel สร้างสรรค์หน้าปัดแผนที่โบราณของแหลมกู๊ดโฮป พร้อมกลไกบอกเวลาแบบดาวเทียมสุดล้ำ
ข้อมูลทางเทคนิค
  • กลไก: Caliber 1120 AT/1 (Self-winding mechanical movement)
  • ฟังก์ชัน: แสดงเวลาตามดาวเทียมโคจรสามดวง บอกนาที พลังงานสำรอง (Power Reserve) 40 ชั่วโมง
  • ตัวเรือน: 18K พิงค์โกลด์ ขนาดตัวเรือน 41 มม. ความหนาตัวเรือน 11.68 มม.
  • หน้าปัด: หน้าปัด Métiers d’Art ทอง 18K ตกแต่งลวดลายสัตว์แกะสลัก 3 มิติ และพื้นหลังลงยาแบบกรองด์ เฟอ พร้อมแผนที่ทางทะเลโบราณของแหลมกู๊ดโฮป กระจก คริสตัลแซฟไฟร์ (พร้อมฝาหลังแบบโปร่งใส) กันน้ำ 30 ม.
  • สายนาฬิกา: หนังจระเข้สีเขียว พร้อมหัวล็อคแบบพับสามชั้น 18K พิงค์โกลด์

3. Breguet Classique Hora Mundi (รุ่นที่แนะนำ: Ref. 5717BR/AS/9ZU)

แนวคิด: Breguet หนึ่งในแบรนด์นาฬิกาเก่าแก่ที่สุดและเป็นผู้ริเริ่มนวัตกรรมมากมาย นำเสนอ Classique Hora Mundi ในฐานะนาฬิกา World Time ที่โดดเด่นด้วยฟังก์ชันการแสดงเวลาสองเขตเวลาแบบ “Instant-Jump Time Zone” ที่เป็นเอกลักษณ์ พร้อมหน้าปัดที่แสดงแผนที่โลกที่แกะสลักด้วยมืออย่างประณีตสะท้อนถึงความหรูหราและงานฝีมืออันเป็นเลิศ รุ่น 5717BR/AS/9ZU โดยเฉพาะหน้าปัดสีเงินพร้อมแผนที่เอเชียและโอเชียเนียที่แกะสลักด้วยมือและลงยาใส มอบความงดงามที่เหนือระดับ

ความโดดเด่น:

High-End Manufacture Movement: ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 77F0 ที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงานของ Breguet เอง ซึ่งประกอบด้วยชิ้นส่วนถึง 395 ชิ้น และได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรตามมาตรฐานสูงสุด แสดงถึงความเป็นเลิศด้านการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูง

Instant-Jump Time Zone: นี่คือฟังก์ชันพิเศษที่จดสิทธิบัตรของ Breguet ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนไปแสดงเวลาของเขตเวลาที่สองที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพียงแค่กดปุ่มที่ตำแหน่ง 8 นาฬิกา โดยที่วันที่และวงแหวนกลางวัน/กลางคืนก็จะปรับตามโดยอัตโนมัติ ทำให้การเดินทางข้ามทวีปง่ายดายอย่างไม่เคยมีมาก่อน

Hand-Engraved Map Dial with Translucent Lacquer: หน้าปัดของ Hora Mundi รุ่นนี้โดดเด่นด้วยแผนที่ทวีปเอเชียและโอเชียเนียที่ถูกแกะสลักด้วยมืออย่างละเอียดอ่อนบนแผ่นทองคำ และเคลือบด้วยแลคเกอร์โปร่งแสงสีน้ำตาลทอง ซึ่งเผยให้เห็นความลึกและรายละเอียดของพื้นผิวที่แกะสลักได้อย่างงดงาม นอกจากนี้ยังมีวงแหวน 24 ชั่วโมงพร้อมตัวระบุกลางวัน/กลางคืนที่แสดงดวงอาทิตย์แกะสลักด้วยมือ และดวงจันทร์ทำจากไทเทเนียม

Classic Breguet Aesthetics: นาฬิกามีการออกแบบตามแบบฉบับของ Breguet ที่เป็นอมตะ ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนทองคำชมพู 18K ขนาด 43 มม. ที่มีขอบหยักอันเป็นเอกลักษณ์, ขาตัวเรือนที่เชื่อมติดอย่างประณีต, เข็ม Breguet แบบปลายกลวง และหน้าปัดย่อยวันที่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา

Breguet Classique Hora Mundi นำเสนอแผนที่โลกที่แกะสลักด้วยมืออย่างละเอียดบนหน้าปัด พร้อมฟังก์ชัน Instant-Jump Time Zone ที่เป็นเอกลักษณ์ ตอบโจทย์นักเดินทางผู้เปี่ยมสไตล์
ข้อมูลทางเทคนิค
  • กลไก: Calibre 77F0 (Self-winding mechanical movement)
  • ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที วินาทีกลาง Instant-Jump Time Zone พร้อมแสดงชื่อเมืองและกลางวัน/กลางคืน (วงแหวน 24 ชั่วโมง) วันที่ (Aperture Date)
  • พลังงานสำรอง: 55 ชั่วโมง
  • วัสดุตัวเรือน: 18K Rose Gold
  • ขนาดตัวเรือน: 43 มม.
  • หน้าปัด: แผนที่ทวีปเอเชียและโอเชียเนียแกะสลักด้วยมือบนทองคำและเคลือบด้วยแลคเกอร์โปร่งแสงสีน้ำตาลทอง กระจก Sapphire crystal (พร้อมฝาหลังโปร่งใส) กันน้ำ 30 เมตร
  • สายนาฬิกา: หนังจระเข้
  • ผลิตในประเทศ: สวิสเซอร์แลนด์

4. Jaeger-LeCoultre Master Grande Tradition Calibre 948

แนวคิด: Jaeger-LeCoultre Master Grande Tradition Calibre 948 เป็นผลงานระดับสูงที่ผสมผสานความซับซ้อนทางกลไกเข้ากับงานศิลปะอันวิจิตรได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยกลไก World Time ที่มาพร้อม Flying Tourbillon ที่หมุนรอบหน้าปัดใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ Jaeger-LeCoultre จดสิทธิบัตรไว้ หน้าปัดแผนที่โลกที่สร้างสรรค์ด้วยเทคนิคการลงยาแบบ Champlevé Enamel สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญด้าน Métiers Rares™ (ศิลปะหัตถศิลป์หายาก) ของแบรนด์ ทำให้เป็นนาฬิกาที่แสดงถึงความเป็นเลิศทั้งด้านเทคนิคและความงาม

ความโดดเด่น:

Elegant Case Design: ตัวเรือนทองคำชมพู 18K ขนาด 43 มม. มีการออกแบบที่หรูหราและประณีต ผสมผสานการขัดเงา การปัดลายซาติน และการพ่นทราย เพื่อสร้างมิติและความซับซ้อนที่สอดคล้องกับหน้าปัด

World Time with Orbital Flying Tourbillon: นี่คือจุดเด่นที่สุดของรุ่นนี้ กลไก Calibre 948 เป็นการรวมฟังก์ชัน World Time เข้ากับ Flying Tourbillon ที่หมุนรอบหน้าปัดครบ 360 องศาใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเลียนแบบการหมุนของโลก ทำให้เป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนและน่าตื่นตาตื่นใจ

Champlevé Enamel Dial: หน้าปัดโดมรูปแผนที่โลกถูกสร้างสรรค์ด้วยเทคนิค Champlevé Enamel ที่ซับซ้อน โดยการแกะสลักโลหะให้เป็นร่องแล้วเติมด้วยชั้นของอีนาเมลหลายชั้น ก่อนจะนำไปเผาที่อุณหภูมิสูง ทำให้ได้แผนที่โลกที่มีมิติ สีสันสดใส และรายละเอียดที่ประณีต โดยเฉพาะรุ่นหน้าปัดสีเขียวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

Manufacture Movement Calibre 948: ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 948 ที่พัฒนาและผลิตขึ้นภายในโรงงานของ Jaeger-LeCoultre เอง ประกอบด้วยชิ้นส่วนถึง 388 ชิ้น สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญด้านการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูง

ความยิ่งใหญ่ของ Jaeger-LeCoultre Master Grande Tradition Calibre 948 ด้วยหน้าปัดโดมแผนที่โลกแบบ Champlevé Enamel และ Orbital Flying Tourbillon ที่หมุนรอบเพื่อบอกเวลาโลก
ข้อมูลทางเทคนิค
  • กลไก: Calibre 948 (Self-winding mechanical movement)
  • ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที World Time (แสดง 24 เขตเวลา) แผนที่โลก Orbital Flying Tourbillon (หมุนรอบหน้าปัด 24 ชั่วโมง) พลังงานสำรอง 48 ชั่วโมง
  • ตัวเรือน: 18K พิงค์โกลด์ ขนาดตัวเรือน 43 มม. ความหนาตัวเรือน 14.13 มม.
  • หน้าปัด: แผนที่โลกโดมลงยา Champlevé Enamel (มักเป็นสีเขียวหรือน้ำเงิน) พร้อมวงแหวนชื่อเมืองและ 24 ชั่วโมง กระจกคริสตัลแซฟไฟร์ (ทั้งด้านหน้าและฝาหลังโปร่งใส) กันน้ำ 50 เมตร
  • สายนาฬิกา: หนังจระเข้ (มักเป็นสีดำ) พร้อมหัวล็อคแบบพับ 18K พิงค์โกลด์
  • ผลิตในประเทศ: สวิสเซอร์แลนด์
นาฬิกา World Time หน้าปัดแผนที่

5. Hermès Arceau Le Temps Voyageur

แนวคิด: Hermès Arceau Le Temps Voyageur เป็นนาฬิกาที่นำเสนอแนวคิด World Time ที่แปลกใหม่และเปี่ยมด้วยบทกวี หน้าปัดประกอบด้วยแผนที่ “Planetary Lavish” ซึ่งเป็นภาพแผนที่โลกในจินตนาการที่ออกแบบโดย Jérôme Colliard พร้อมกลไก “Traveling Time” ที่จดสิทธิบัตรโดย Hermès Horloger ให้เข็มชั่วโมงและนาทีลอยอยู่เหนือแผนที่ และสามารถเคลื่อนที่ไปตามเขตเวลาต่างๆ ได้ด้วยการกดปุ่ม เป็นการผสมผสานศิลปะ ความซับซ้อน และจิตวิญญาณแห่งการเดินทางไว้อย่างลงตัว

นาฬิกา World Time หน้าปัดแผนที่

ความโดดเด่น:

Hermès Manufacture Movement: ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ H1837 ของ Hermès พร้อมโมดูล “Traveling Time” ที่พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในด้านการผลิตนาฬิกาคุณภาพสูง

“Traveling Time” Mechanism: นี่คือกลไกหลักที่โดดเด่นของรุ่นนี้ แทนที่จะมีเข็ม GMT หรือวงแหวนชื่อเมืองหมุนรอบ ระบบนี้มีโมดูลย่อยที่แสดงเวลาในรูปแบบชั่วโมงและนาทีซึ่ง “ลอย” อยู่เหนือแผนที่ และสามารถเลื่อนไปตามวงแหวนชื่อเมืองรอบนอกได้ด้วยการกดปุ่ม ทำให้การสลับเขตเวลาเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจและใช้งานง่าย

“Planetary Lavish” Map Dial: หน้าปัดนำเสนอแผนที่โลก “Planetary Lavish” ที่สร้างสรรค์ขึ้นโดยศิลปิน Jérôme Colliard ซึ่งเป็นภาพแผนที่โลกในจินตนาการที่ละเอียดอ่อนและสวยงาม ไม่ใช่แผนที่จริง แต่เป็นการตีความที่สื่อถึงการเดินทางและโลกอันกว้างใหญ่

Arceau Case Design: ตัวเรือนทรงกลม Arceau อันเป็นเอกลักษณ์ของ Hermès ที่มีหูหิ้วสายนาฬิกาแบบไม่สมมาตรที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการขี่ม้า มอบความสง่างามและเป็นที่จดจำ

Hermès Arceau Le Temps Voyageur กับการนำเสนอ World Time ในรูปแบบบทกวี ด้วยหน้าปัดแผนที่ “Planetary Lavish” และกลไก “Traveling Time” ที่เคลื่อนที่ได้ สะท้อนจิตวิญญาณแห่งการผจญภัยอันเปี่ยมจินตนาการ
ข้อมูลทางเทคนิค
  • กลไก: Hermès H1837 (Self-winding mechanical movement) พร้อมโมดูล “Traveling Time”
  • ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที World Time (แสดงเวลาสองเขตเวลาด้วยโมดูล Traveling Time และวงแหวนชื่อเมือง 24 เมือง) พลังงานสำรองประมาณ 50 ชั่วโมง
  • วัสดุตัวเรือน: Stainless Steel หรือ Platinum (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย) ขนาดตัวเรือน 41 มม.
  • หน้าปัด: แผนที่ “Planetary Lavish” แบบพิมพ์หรือแกะสลักพร้อมโมดูลแสดงเวลา Traveling Time กระจก Sapphire crystal (ทั้งด้านหน้าและฝาหลังโปร่งใส) กันน้ำ 30 เมตร
  • สายนาฬิกา: หนังจระเข้หรือหนังลูกวัว (ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย)
  • ผลิตในประเทศ: สวิสเซอร์แลนด์
นาฬิกา World Time หน้าปัดแผนที่

จาก Patek Philippe ที่เปรียบเสมือนงานศิลปะบนข้อมือ ไปจนถึง Hermès ที่นำเสนอการเดินทางของเวลาในรูปแบบบทกวี นาฬิกาหน้าปัดแผนที่เหล่านี้ เป็นดั่งสัญลักษณ์ของความหลงใหลในการเดินทาง การสำรวจ และงานฝีมืออันประณีตที่ไร้กาลเวลา ไม่ว่าคุณจะเป็นนักสะสมตัวยง หรือกำลังมองหานาฬิกาเรือนพิเศษที่จะเป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปกับคุณทุกที่ นาฬิกาในลิสต์ “Must-Have” นี้จะช่วยเติมเต็มความฝันในการท่องโลกกว้างของคุณได้อย่างแน่นอน ลองเลือกเรือนที่สะท้อนตัวตนและแรงบันดาลใจในการเดินทางของคุณมากที่สุด แล้วให้แผนที่โลกบนข้อมือของคุณเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยครั้งใหม่

และนาฬิกาทั้ง 5 เรือนนี้เป็นตัวแทนของความปรารถนาในการค้นพบโลกกว้าง และเป็นผลงานศิลปะที่บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางผ่านงานฝีมืออันไร้ที่ติบนหน้าปัดแผนที่ ฝากติดตามบทความอื่นๆ ของเรา และหวังว่าคุณจะได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางผ่านเรือนเวลาเหล่านี้ หากคุณชื่นชอบการสำรวจเรื่องราวเบื้องหลังนาฬิกาอันเป็นเอกลักษณ์ หรือต้องการค้นพบโลกแห่งเรือนเวลาในแง่มุมอื่นๆ

อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่:
5 นาฬิกาเซรามิค เรือนเวลาแห่งความงามที่แฝงความทนทาน
Must-Have: เดินทางอย่างมีสไตล์กับ 5 นาฬิกาที่คู่ควรทุกจุดหมาย
Must-Have Pilot Watches | รวม 5 นาฬิกานักบินที่ควรมีในชีวิต

Share post:

More like this

นาฬิกากับบทบาทในโลกภาพยนตร์และซีรีส์ : โอกาสแจ้งเกิดอันทรงพลังบนหน้าจอ

ไม่ใช่แค่การตลาดแต่นาฬิกาที่ตัวละครสวมใส่ในภาพยนตร์มีบทบาทมากกว่านั้น “หรูไปไม่มีหรอก ทำตัวให้สมกับนาฬิกาที่ใส่ซะ” ซีรีส์ 'สงครามส่งด่วน' - Netflix เชื่อว่าหลายคนที่ได้ดู  ‘สงครามส่งด่วน’...

ว่าด้วยนาฬิกา Minute Repeater บทกวีแห่งความเที่ยงตรง

เรียนรู้ประวัติศาสตร์นาฬิกา Minute Repeater นาฬิกาที่ขานบอกเวลาด้วยเสียงอันไพเราะ หากเทียบกับยุคสมัยที่มนุษย์รับรู้เวลาด้วยการกวาดสายตาผ่านหน้าจอ และอาศัยการแจ้งเตือนแบบดิจิตัลเป็นตัวกำหนดจังหวะชีวิต นาฬิกามินิตรีพีทเตอร์ (Minute Repeater) ยังคงยืนหยัดในความเป็นแอนาล็อก...

Louis Vuitton Tambour Convergence สไตล์วินเทจมินิมัลที่ดูร่วมสมัย พร้อมลีลาการบอกเวลาที่แตกต่าง

เมื่อ Louis Vuitton เล็งเห็นเสน่ห์ในเรือนเวลา Jump Hour และผสานเข้ากับตัวตนของเมซงได้อย่างลงตัว กลายเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่นาฬิกา jump hour...

นาฬิกาหรูจะไปทางไหน? สรุปประเด็นร้อน เจาะลึกทุกมุมมองจาก FHH Watch Summit ครั้งแรกที่ New York

สรุปประเด็นร้อนจากการประชุม FHH Watch Summit ครั้งประวัติศาสตร์ที่ New York ผู้เชี่ยวชาญกว่า 300 คนถกกันถึงอนาคตนาฬิกาหรู เมื่อคนรุ่นใหม่ (Millennial & Gen Z) ให้ความสำคัญกับ 'งานฝีมือ' เหนือชื่อแบรนด์ และทำให้ 'ตลาดมือสอง' กลายเป็นทางเข้าหลักของวงการ