เผยโฉมนาฬิกาดำน้ำ OMEGA Seamaster Diver 300M ในเฉดสีส้ม สุนทรียะแห่งการผจญภัย

Date:

Seamaster Diver 300M สู่มิติใหม่แห่งนาฬิกาดำน้ำสีสันสดใส ที่มาพร้อมประสิทธิภาพในตำนานของ OMEGA

ในโลกของเรือนเวลาดำน้ำชั้นสูง ชื่อของ OMEGA Seamaster Diver 300M คือสัญลักษณ์แห่งตำนานที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน ด้วยประวัติศาสตร์อันรุ่งโรจน์นับตั้งแต่ปี 1993 ที่สะท้อนถึงการผสมผสานระหว่างประสิทธิภาพอันไร้ที่ติ และดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ที่ครองใจนักผจญภัยใต้ท้องทะเลทั่วโลก และล่าสุด OMEGA ได้นำเสนอความสดใหม่ให้แก่คอลเลกชั่นอันโดดเด่นนี้ ด้วยการแต่งแต้มเฉดสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งไม่เพียงเสริมเรื่องทัศนวิสัยใต้น้ำ แต่ยังเพิ่มมิติแห่งสุนทรียะที่มิอาจปฏิเสธได้

นาฬิกาดำน้ำ OMEGA Seamaster Diver 300M Orange

เฉดสีส้มอันเป็นเครื่องหมาย วิวัฒนาการสู่ไอคอนิกบทใหม่

ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา สีส้มได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ DNA ในดีไซน์นาฬิกาดำน้ำของ OMEGA โดยเฉพาะในแง่ของการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการมองเห็นและความปลอดภัยใต้น้ำ สีส้มอันเปี่ยมด้วยพลังนี้ได้สร้างความมีชีวิตชีวาและรูปลักษณ์อันเป็นเอกลักษณ์ให้กับหลากหลายคอลเลกชั่นของ Seamaster และในปีนี้ OMEGA ได้นำเฉดสีอันเป็นสัญลักษณ์นี้มาสู่ตระกูล Diver 300M ที่ได้รับการกล่าวขาน ทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่โดดเด่นถึงสองสไตล์ในตัวเรือนสเตนเลสสตีล

คอลเลกชั่น Seamaster Diver 300M ได้รับการปรับโฉมใหม่ทั้งหมดเมื่อไม่นานมานี้ ด้วยรายละเอียดที่ยกระดับขึ้น อาทิ สายแบบ Mesh Bracelet ดีไซน์ใหม่ กระจกแซฟไฟร์ทรงโดม และขอบหน้าปัดอะลูมิเนียมอะโนไดซ์แบบ Oxalic ซึ่งรุ่นล่าสุดนี้ยังคงรักษาธีมการออกแบบที่ยอดเยี่ยมนั้นไว้ พร้อมสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวผ่านการผสมผสานสีดำและส้มได้อย่างลงตัว

รายละเอียดที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถัน ผสานฟังก์ชันและความงาม

เรือนเวลาขนาด 42 มม. แต่ละเรือนโดดเด่นด้วยหน้าปัดอะลูมิเนียมสีดำสนิท ซึ่งเป็นฉากหลังที่ขับเน้นความคมชัดของเข็มนาฬิกาและหลักชั่วโมงแบบโครงกระดูก (Skeletonized Hands and Indexes) ที่เคลือบด้วยโรเดียม พร้อมเติมเต็มด้วยสาร Super-LumiNova สีขาวคุณภาพสูง ซึ่งจะเปล่งประกายสีน้ำเงินเรืองรองในที่มืด เพื่อประสิทธิภาพการอ่านค่าในสภาวะแสงน้อยได้อย่างยอดเยี่ยม

สิ่งที่สะดุดตาที่สุดคือเข็มวินาทีกลางที่ได้รับการเคลือบด้วยสีส้มอันสดใส รวมถึงหลักชั่วโมงในตำแหน่งหลัก (12 / 3 / 6 / 9 นาฬิกา) ก็ได้รับการแต่งแต้มสีส้มเช่นกัน นอกจากนี้ ชื่อ “Seamaster” ที่อยู่ใต้โลโก้ OMEGA ก็ยังเป็นสีส้ม โดยมีโลโก้ OMEGA ที่ถูกถ่ายทอดด้วยสีขาวอย่างลงตัว ทุกรายละเอียดถูกออกแบบมาเพื่อความกลมกลืนทางสายตาและการใช้งานจริง

มรดกแห่งฟังก์ชันอันเป็นตำนาน หัวใจของ Diver 300M

สิ่งสำคัญคือ OMEGA ยังคงรักษาคุณสมบัติอันเป็นตำนานทั้งหมดของ Diver 300M ไว้ครบถ้วน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมรดกการออกแบบที่นิยามคอลเลกชั่นนี้มาตั้งแต่ปี 1993 คุณสมบัติเหล่านี้รวมถึง วาล์วปล่อยฮีเลียม ที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาดำน้ำระดับมืออาชีพ นอกจากนี้ยังมี ขอบหน้าปัดแบบหยัก (Scalloped Bezel) อันเป็นที่จดจำ พร้อม Crown Guards (การ์ดปกป้องเม็ดมะยม) ที่ยื่นออกมาอย่างแข็งแกร่ง และ มาตรวัดการดำน้ำบนขอบหน้าปัด ซึ่งได้รับการเคลือบด้วย Super-LumiNova สีขาวในรุ่นพิเศษนี้ เพื่อการใช้งานในที่มืดได้อย่างแม่นยำ

สไตล์สีส้มใหม่นี้ถูกนำเสนอในสองรูปแบบที่แตกต่างกัน ให้เลือกสรรตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็น สาย Mesh Bracelet แบบปัดด้านพร้อมตัวล็อกที่แข็งแกร่ง หรือสายยางสีส้ม ที่ถูกออกแบบมาอย่างกลมกลืนกับตัวเรือน พร้อมตัวล็อกแบบพับได้

กลไก Master Chronometer Calibre 8806 หัวใจหลักแห่งความเที่ยงตรง

ภายในตัวเรือน แต่ละเรือนถูกขับเคลื่อนด้วยกลไก OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 8806 ซึ่งสามารถชื่นชมความซับซ้อนของกลไกได้ผ่านกระจกแซฟไฟร์ที่ฝาหลัง ประสิทธิภาพด้านความเที่ยงตรง ความทนทาน และความสามารถในการต้านทานสนามแม่เหล็กได้รับการรับประกันด้วยมาตรฐาน Master Chronometer Certification ซึ่งผ่านการทดสอบอันเข้มงวดจากสถาบันมาตรวิทยาแห่งสหพันธรัฐสวิส (METAS) มั่นใจได้ถึงคุณภาพที่เหนือกว่าในทุกมิติ

OMEGA Seamaster Diver 300M ในเฉดสีส้มนี้ จึงเป็นนาฬิกาดำน้ำที่มาพร้อมเครื่องยืนยันถึงความกล้าหาญในการสร้างสรรค์นวัตกรรม และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความต้องการของสุภาพบุรุษผู้รักการผจญภัย คุณคิดว่าสีส้มนี้จะเข้ามาเติมเต็ม Seamaster Diver 300M ได้อย่างสมบูรณ์แบบแค่ไหน?

นาฬิกาดำน้ำ OMEGA Seamaster Diver 300M Orange

ข้อมูลทางเทคนิค

  • ชื่อรุ่น: OMEGA Seamaster Diver 300M (ในเฉดสีส้ม)
  • ตัวเรือน: สเตนเลสสตีล ขนาด 42 มม. พร้อมขอบหน้าปัดอะลูมิเนียมอะโนไดซ์แบบ Oxalic วาล์วปล่อยฮีเลียมที่ 10 นาฬิกา ขอบหน้าปัดแบบหยัก และ Crown Guards
  • หน้าปัด: อะลูมิเนียมสีดำสนิท พร้อมเข็มและหลักชั่วโมงแบบโครงกระดูกเคลือบโรเดียมและ Super-LumiNova สีขาว (เรืองแสงสีน้ำเงิน) เข็มวินาทีกลางและหลักชั่วโมงสี่เสาหลักเป็นสีส้ม ชื่อ Seamaster สีส้ม โลโก้ OMEGA สีขาว
  • กลไก: OMEGA Co-Axial Master Chronometer Calibre 8806 (อัตโนมัติ) มองเห็นกลไกผ่านกระจกแซฟไฟร์ที่ฝาหลัง ได้รับการรับรอง Master Chronometer จาก METAS
  • ฟังก์ชัน: บอกเวลา (ชั่วโมง นาที วินาที) มาตรวัดการดำน้ำบนขอบหน้าปัด
  • สาย: มีให้เลือก 2 แบบ คือสาย Mesh Bracelet แบบปัดด้านพร้อมตัวล็อก และสายยางสีส้มแบบบูรณาการพร้อมตัวล็อกแบบพับได้

อ่านบทความน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่
FR2NCK MULLER Vanguard Beach Limited Edition ผสานความขบถเข้ากับความสดใสแห่งซัมเมอร์
เปิดตัว Tonda PF Sport Chronograph Rose Gold Sandstone การผสมผสานที่ลงตัวระหว่างงานฝีมือชั้นสูงและดีไซน์ร่วมสมัย

Share post:

More like this

Hublot MP-17 Meca-10 Arsham Splash การผสานงานศิลป์โบราณคดีเชิงจินตนาการกับพลังงาน 10 วันของจักรกลที่ถูกย่อส่วน

Hublot MP-17 Meca-10 Arsham Splash Titanium Sapphire คือผลงานนาฬิกาข้อมือชิ้นแรกของ Daniel Arsham สำหรับ Hublot โดดเด่นด้วยตัวเรือนไทเทเนียม 42 มม. และช่องเปิดรูปทรงน้ำกระเซ็นที่เผยกลไกไขลาน HUB1205 (MECA-10) 10 วัน ผลิตจำนวนจำกัด 99 เรือน

Hautlence เปิดตัว “Sphere Series 3” เมื่อเวลาคือประติมากรรมจลน์ที่ถูกบีบอัดให้เข้มข้น

HAUTLENCE Sphere Series 3 ใหม่ มาพร้อมตัวเรือนไทเทเนียมขนาดกะทัดรัด (37.0×45.0 มม.) แต่ยังคงเสน่ห์ของกลไกชั่วโมงทรงกลมสามแกน (Spherical Hours) และนาทีดีดกลับ (Retrograde Minute) กลไกไขลาน Calibre A82 ปรับปรุงใหม่ พร้อมกำลังสำรอง 72 ชั่วโมง ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 28 เรือน

Urban Jürgensen การกลับมาของช่างนาฬิกาแห่งราชัน กับปรัชญา “Time Kept and Spent Beautifully”

Urban Jürgensen ตำนานนาฬิกา 250 ปี กลับมาอีกครั้งด้วยโมเดล UJ-2 ภายใต้การนำของ Kari Voutilainen และ Alex Rosenfield โดยเน้นปรัชญา "Time kept and spent beautifully" นาฬิกาแต่ละเรือนต้องใช้ 565 ชั่วโมงของงานฝีมือ และได้รับการนำเสนอสู่สายตาโลกผ่าน Timothée Chalamet

H. Moser & Cie. Streamliner Tourbillon Pierre Gasly ความแม่นยำและจิตวิญญาณนักแข่งที่ถูกถ่ายทอดผ่านเรือนเวลา

H. Moser & Cie. และ Pierre Gasly นำเสนอ Streamliner Tourbillon สองรุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน ที่ถ่ายทอดบุคลิกนักแข่งผ่านกลไก Flying Tourbillon และหน้าปัด Chocolate Fumé ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง