LOUIS ERARD: GALLERIST OF CREATIVES และการท้าทายขนบของ ‘ความหรูหรา’

Date:

Gravée Main งานแกะสลักด้วยมือบนเหล็กกล้า ที่เผยให้เห็นความหมายที่ซ่อนอยู่

Gravée Main เป็นอีกหนึ่งผลงานสำคัญในคอลเลกชั่น Métiers d’Art ของ Louis Erard ที่นำเสนองานศิลปะการแกะสลักด้วยมืออย่างวิจิตรบรรจง นาฬิการุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นนี้ผลิตเพียง 99 เรือน ตั้งแต่ตัวเรือน ขอบหน้าปัด ข้อต่อสาย เม็ดมะยม จนถึงตัวล็อคสายหัวเข็มขัด ทุกส่วนได้รับการแกะสลักด้วยมือโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญ

LOUIS ERARD และการท้าทายขนบของ ‘ความหรูหรา’

ในปัจจุบันอุตสาหกรรมนาฬิกาชั้นสูงมักจะถูกครอบงำด้วยแบรนด์ใหญ่และขนบธรรมเนียมอันเคร่งครัด Louis Erard ได้พิสูจน์แล้วว่าพวกเขามีปรัชญาที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แทนที่จะเดินตามเส้นทางเดิมๆ Louis Erard เลือกที่จะสร้างเส้นทางของตัวเอง โดยมุ่งมั่นที่จะนำเสนอ “คุณค่าที่แท้จริง” ของงานฝีมือสู่ตลาดที่กว้างขึ้น และนี่คือเรื่องราวของนาฬิการุ่น Gravée Main ผลงานที่ประกาศถึงอิสรภาพของศิลปะและช่างฝีมือผู้สร้างสรรค์

งานศิลปะบนข้อมือที่เครื่องจักรไม่อาจลอกเลียนแบบ

เมื่อพูดถึงการแกะสลักด้วยมือ (hand-engraving) หลายคนอาจนึกถึงงานแกะสลักบนทองคำหรือโลหะมีค่าที่อ่อนนุ่ม แต่ Louis Erard และศิลปิน Maksym Shavlak เลือกที่จะท้าทายตัวเองด้วยการแกะสลักบน เหล็กกล้า ซึ่งเป็นวัสดุที่แข็งและทนทานกว่ามาก การตัดสินใจนี้ไม่เพียงแต่เน้นย้ำถึงทักษะและความอดทนอันน่าทึ่งของช่างฝีมือ แต่ยังให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งและจริงใจ

การแกะสลักด้วยมือแต่ละครั้งใช้เวลามากกว่า 50 ชั่วโมง เพื่อสร้างสรรค์ลวดลายดอกไม้สไตล์บาโรกที่ละเอียดอ่อน ตั้งแต่ตัวเรือน ขอบหน้าปัด เม็ดมะยม ไปจนถึงหัวเข็มขัด แต่ละเส้นทุกร่องรอยล้วนคือหลักฐานของ “ความเป็นมนุษย์” ด้วยฝีมือของช่างศิลป์ผู้ชานาญ ในยุคที่ทุกอย่างถูกผลิตซ้ำด้วยเครื่องจักรได้อย่างไร้ที่ติ Gravée Main จึงมอบ “จิตวิญญาณ” ที่ไม่มีวันเหมือนกันในแต่ละเรือน ดังคำกล่าวของ Maksym Shavlak ที่ว่า “การแกะสลักตัวเรือนเป็นมากกว่าการตกแต่ง แต่เป็นวิธีที่ทำให้โลหะสามารถพูดได้”

MAKSYM SHAVLAK: ช่างนาฬิกา นักแกะสลัก ผู้ฟื้นฟูศิลปะโบราณ

แม็กซิม ชาฟลัค (Maksym Shavlak) เป็นช่างนาฬิกาและศิลปินชาวยูเครนที่ถือกำเนิดและได้รับการฝึกฝนฝีมือในประเทศบ้านเกิด เขาได้รับการยกย่องจากพรสวรรค์อันโดดเด่นด้านการแกะสลักด้วยมือ ซึ่งเป็นทักษะที่หาได้ยากในยุคที่ทุกอย่างถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักร

เส้นทางของเขาเริ่มต้นจากการชุบชีวิตนาฬิกาพกโบราณให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยเปลี่ยนให้เป็นผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เปรียบเสมือนงานศิลป์ที่ผสมผสานอดีตและปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ผลงานของเขาเต็มเปี่ยมด้วยความอดทน ความแม่นยำที่แฝงด้วยอารมณ์ และความเคารพต่อหัตถศิลป์ดั้งเดิม

นาฬิกาแต่ละเรือนที่ผ่านการแกะสลักโดยเขา ซึ่งผลิตขึ้นทั้งหมดในยูเครน เปรียบเสมือนเครื่องบรรณาการอันเรียบง่าย แต่ทรงพลัง ต่อความแข็งแกร่งของวัฒนธรรมและการเกิดใหม่ของศิลปะ เหล็กกล้าในมือของเขากลายเป็นภาพจำแห่งอดีต งานฝีมือกลายเป็นการแสดงออกถึงการต่อต้าน ในช่วงเวลาที่ประเทศของเขากำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ผลงานของแม็กซิมได้ก้าวข้ามขอบเขตของศิลปะเชิงประดับ และกลายเป็นถ้อยคำแห่งอัตลักษณ์ ศักดิ์ศรี และความหวัง ที่ถูกสลักไว้บนตัวเรือน

สิ่งที่น่าสนใจคือบทพูดของ Manuel Emch ที่บอกเล่าแนวคิดเบื้องหลังความร่วมมือนี้ และการตีความของ Louis Erard ต่อคำว่า ‘Tradition’ และ ‘Craft’

TRADITION, WITH BITE.
CRAFT, WITH CHARACTER

“สิ่งที่ผมชื่นชอบเกี่ยวกับความร่วมมือเหล่านี้ คือการได้เห็นนาฬิกามินิมอลที่เรียบง่าย แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่ออยู่ในมือของศิลปิน จากเส้นสายที่สะอาดตาของรุ่น Noirmont ได้ถูกแต่งเติมด้วยลวดลายดอกไม้แบบบาโรกอันวิจิตร งดงามราวกับปลุกให้นาฬิกามีชีวิตขึ้นมา Gravée Main จึงเปรียบเสมือนศิลปะแห่งความงามที่ดูลงตัว ระหว่างการตกแต่งอันบรรจงกับดีไซน์ที่เรียบง่าย

ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องบอกเวลาซึ่งไม่เพียงดึงดูดสายตาด้วยสิ่งที่ปรากฏให้เห็น หากยังเปี่ยมด้วยพลังในสิ่งที่ต้องการถ่ายทอด บอกเล่าเรื่องราวของเวลา ศิลปะ มรดก และการยืนหยัด สะท้อนภารกิจที่ต้องการอนุรักษ์และส่งต่องานหัตถศิลป์อันทรงคุณค่า เพราะงานศิลป์ไม่ควรถูกเก็บรักษาไว้ หากควรถูกสวมใส่ มีชีวิตและดำรงอยู่ต่อไป และนั่นคือภารกิจของเรา”

มานูเอล เอ็มช์ (Manuel Emch)

คุณค่าที่แท้จริงของนาฬิกา Louis Erard Gravée Main

นอกจากความงามของงานแกะสลักแล้ว Gravée Main ยังบอกเล่าเรื่องราวของความยืดหยุ่นทางวัฒนธรรมและศิลปะ ผลงานของ Maksym Shavlak ศิลปินชาวยูเครน ผู้ซึ่งใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูและแสดงออกถึงตัวตนในยามที่ประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ ความร่วมมือครั้งนี้จึงเป็นมากกว่าแค่การตลาด แต่คือการยืนยันถึงความเชื่อที่ Louis Erard มีต่อคุณค่าของงานฝีมือที่เปี่ยมด้วยความหมาย

Louis Erard ได้แสดงให้เห็นว่า “ความหรูหรา” ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ราคาหรือวัสดุที่ใช้ แต่มันคือการเข้าถึงงานฝีมือระดับสูง การชื่นชมทักษะที่ใช้เวลาสั่งสมมาหลายชั่วอายุคน และการมีส่วนร่วมในเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวผลิตภัณฑ์ Gravée Main จึงเป็นนาฬิกาสำหรับผู้ที่มองหาคุณค่าที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่สถานะทางสังคม

ข้อมูลทางเทคนิคของ
Louis Erard Gravée Main
  • ชื่อรุ่น: Louis Erard Gravée Main (รุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่น 99 เรือน)
  • ตัวเรือน: สเตนเลสสตีลขัดเงา ขนาด 42 มม. หนา 12.25 มม. กันน้ำได้ 5 บาร์ (50 เมตร) ตัวเรือน ขอบหน้าปัด ตัวเชื่อมสาย เม็ดมะยม และตัวล็อคสายหัวเข็มขัด แกะสลักด้วยมือทั้งหมด
  • หน้าปัด: เคลือบแลคเกอร์สีดำเงา ตกแต่งด้วยลวดลายและสีแอนทราไซต์เข้ม
  • ฟังก์ชัน: แสดงเวลาแบบ 3 เข็ม (ชั่วโมง นาที วินาที) โดยมีเข็มวินาทีในหน้าปัดย่อยตำแหน่ง 6 นาฬิกา
  • กลไก: กลไกอัตโนมัติ Sellita SW261-1 มีกำลังสำรอง 38 ชั่วโมง
  • สาย: สายหนังลูกวัวสีดำพร้อมการเย็บตะเข็บด้วยด้ายสีเดียวกัน และหัวเข็มขัดสเตนเลสสตีลแกะสลักด้วยมือ

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
ทำความรู้จัก Lederer แบรนด์นาฬิกาอิสระโดย Bernhard Lederer ปรมาจารย์ด้าน escapement
Piaget กับเบื้องหลังความหรูหราที่เรียบง่าย จากโรงงานเล็ก ๆ สู่ Maison ระดับโลก
Oris กลับสู่มหาสมุทรด้วยนาฬิกา New York Harbor Limited Edition II

Share post:

More like this

เรื่องราวของกลไก BENU Power Reserve บทใหม่แห่งศิลปะช่างเยอรมันจาก Moritz Grossmann

Moritz Grossmann BENU Power Reserve นำเสนอการปรับปรุงรายละเอียดใหม่ที่ประณีต ด้วยหน้าปัด Azurage และเข็มทรงใหม่ ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลาน Calibre 100.2 พร้อมมาตรวัดพลังงานสำรองแบบเส้นตรง

นาฬิกา Grand Seiko ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

จากทะเลสาบซูวะถึงฟากฟ้ายามเที่ยงคืน Grand Seiko ถ่ายทอดความงดงามแห่งสายน้ำบนหน้าปัดทั้ง 4 รุ่น ที่สะท้อนแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและความประณีตของญี่ปุ่น

Oris x Cervo Volante เมื่อนาฬิกาพาเรากลับสู่ธรรมชาติแห่งสวิส ชมความหรูหราที่มาพร้อมความรับผิดชอบ

Oris x Cervo Volante กลับมาอีกครั้งพร้อมนาฬิกาที่มีสายหนังกวางที่ได้จากกระบวนการควบคุมประชากรตามธรรมชาติในสวิตเซอร์แลนด์ หน้าปัดสีส้ม Burnt Maple พร้อมกลไก Pointer Date สะท้อนจิตวิญญาณแห่งเทือกเขาแอลป์

Santos de Cartier Titanium การบุกเบิกครั้งใหม่ด้วยไทเทเนียมและจิตวิญญาณนักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่

Cartier เปิดตัว Santos de Cartier Titanium Large Model ตัวเรือนไทเทเนียม Grade 5 พ่นทรายด้าน เบากว่ารุ่นสตีล 43% ขับเคลื่อนด้วยกลไก 1847 MC พร้อมฟังก์ชัน QuickSwitch และ SmartLink เพื่อความสะดวกในการปรับเปลี่ยนสาย