Franck Muller เผยโฉม ‘Round Triple Mystery’ เรือนเวลาลึกลับแห่งปี จากงาน WPHH 2025

Date:

การเคลื่อนไหวอันงดงามที่มาพร้อมกับศิลปะของการประดิษฐ์กลไกอันซับซ้อนใน ‘Round Triple Mystery’ จากแฟรงค์ มุลเลอร์

ที่เจนีวา เมืองหลวงแห่งศาสตร์การประดิษฐ์นาฬิกา แฟรงค์ มุลเลอร์ ได้รังสรรค์เรือนเวลา Round Triple Mystery ที่ไม่เพียงท้าทายขนบการบอกเวลาแบบเดิม หากยังตีความ ‘วินาที’ ให้กลายเป็นผลงานศิลป์อันซับซ้อนและน่าหลงใหล ยกระดับกลไกแห่งกาลเวลาให้ล่องลอยไปพร้อมเพชรที่หมุนตัวอยู่เหนือจานสเกเลตันสุดบางเฉียบ

นี่ไม่ใช่นาฬิกา… แต่มันคือบทกวีแห่งกลไกและความลึกลับของกาลเวลา เตรียมสัมผัสความงดงามของการเคลื่อนไหวอันเปี่ยมจังหวะ ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่เบื้องหลังการประดิษฐ์สุดล้ำ ที่สะกดทุกสายตาและหัวใจ

Franck Muller Round Triple Mystery 2025

เจนีวา เมืองแห่งความคลาสสิกและนวัตกรรม
ที่นี่เองคือบ้านของ Franck Muller แบรนด์นาฬิกาที่ไม่ได้แค่ทำตามสูตรเดิมๆ แต่กล้าท้าทายทุกกรอบของการประดิษฐ์เรือนเวลา

ล่าสุดกับ Round Triple Mystery เรือนเวลาที่เป็นเหมือนบทพิสูจน์ว่าศิลปะกับกลไกสามารถเดินไปด้วยกันได้แบบไร้ขีดจำกัด นี่คือวิวัฒนาการล่าสุดของไอเดียสุดโต่งที่ Franck Muller เชื่อมั่นมาตลอด “ทำสิ่งที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน”

ทุกอย่างเริ่มจาก “ความลึกลับ” ที่สิ่งที่มองไม่เห็น คือสิ่งที่ “ไม่จำเป็นต้องเข้าใจ”

ในการเดินทางครั้งหนึ่งที่ห่างไกลจากห้องเวิร์กช็อปในเจนีวา แฟรงค์ มุลเลอร์ ได้พบกับวิธีมองเวลาในแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน มันไม่ใช่เวลาแบบที่ต้องรีบเร่ง ไม่ใช่ตัวเลขบนหน้าปัดที่ไล่หลังเราอยู่ทุกนาที แต่เป็น “เวลา” ที่ดำเนินไปตามจังหวะของชีวิตจริง ช้าบ้าง เร็วบ้าง และบางครั้งก็เหมือนไม่เคลื่อนไหวเลย

ประสบการณ์นั้นเหมือนกระซิบอะไรบางอย่างกับเขา ว่าเวลาไม่จำเป็นต้องถูกแปลด้วยเข็ม และจากความรู้สึกนั้นเอง ก่อเกิดเป็น Mystery เรือนเวลาที่กล้าท้าทายทุกแบบแผนของการบอกเวลา ไม่มีเข็ม ไม่มีแกน ไม่มีอะไรที่เป็นเส้นตรง มีเพียงจานหมุนที่ค่อยๆ เปิดเผยความลับของชั่วโมงในแบบที่อิสระที่สุด

นี่คือการประดิษฐ์ เปรียบดังบทกวีที่เขาเขียนขึ้นจากความหลงใหลในสิ่งที่เข้าใจไม่ได้

Franck Muller Round Triple Mystery 2025

การเคลื่อนไหวที่งดงาม และการออกแบบที่ละเอียดและประณีต

สองปีผ่านไปหลังจากที่แฟรงค์ มุลเลอร์ได้เปิดตัวเรือนเวลา “มิสทรี” และ “ดับเบิล มิสทรี” ซึ่งใช้จานหมุนเพียงแผ่นเดียวและสองแผ่นเพื่อแสดงเวลาอย่างลึกลับและงดงาม ในปี 2025 แบรนด์ได้ยกระดับแนวคิดนี้ไปอีกขั้นด้วยการเปิดตัว Round Triple Mystery ซึ่งเพิ่มจานหมุนแผ่นที่สามสำหรับแสดงวินาที 

เรือนเวลานี้มีหน้าปัดที่ดูเหมือนจะเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา โดยปราศจากการแสดงค่าด้วยเข็มแบบเดิม ๆ แต่เมื่อมองดูใกล้ ๆ ก็จะเห็นการแสดงเวลาอย่างงดงามดุจการเคลื่อนไหวร่างกายของการเต้นบัลเลต์ ด้วยความซับซ้อนจากการหมุนของจาน 3 แผ่น ซึ่งแต่ละแผ่นจะทำการแสดงเวลาเป็นชั่วโมง นาที และวินาที อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

การเพิ่มจานหมุนแผ่นที่สามสำหรับแสดงวินาทีไม่เพียงแต่เพิ่มความซับซ้อนทางกลไกเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับศิลปะการประดิษฐ์นาฬิกาไปอีกขั้นหนึ่ง การออกแบบที่ใช้จานหมุนทั้งสามแผ่นที่เคลื่อนไหวอย่างอิสระและประสานกันอย่างลงตัว ทำให้เรือนเวลานี้เป็นผลงานที่ผสมผสานระหว่างความงามและความซับซ้อนทางเทคนิคอย่างลงตัว

ด้วยการออกแบบที่โดดเด่นและกลไกที่ซับซ้อน จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมและความงามในโลกของการประดิษฐ์นาฬิกา

การยกระดับประสบการณ์การดูเวลา

เรือนเวลา Round Triple Mystery มาในรูปทรงที่เรียบหรูแต่แฝงไปด้วยความซับซ้อน โดยมีขนาดตัวเรือนเส้นผ่านศูนย์กลาง 39 มิลลิเมตร ถูกสร้างขึ้นจากวัสดุที่มีคุณภาพสูงสุด ได้แก่ โรสโกลด์ และ ไวท์โกลด์ ซึ่งผสมผสานความโดดเด่นของการประดิษฐ์ประติมากรรมอันงดงามกับความประณีตในการสร้างกลไกที่ซับซ้อนอย่างลงตัว

นอกจากการออกแบบที่พิถีพิถันแล้ว การประดับเพชรน้ำงามจำนวนมากก็ช่วยเสริมความโดดเด่นอย่างไม่มีที่ติ โดยเพชรแต่ละเม็ดถูกวางเรียงตัวกันเป็นเกลียว ซึ่งดึงดูดสายตาให้มองไปยัง สัญลักษณ์บอกเวลารูปสามเหลี่ยม ที่หมุนตามจังหวะการหมุนของจาน เพชรแต่ละเม็ดเคลื่อนที่ไปตามเส้นทางของตัวเองเสมือนการเต้นรำบนฟากฟ้า บอกเล่าความงามแห่งกาลเวลาที่หมุนเวียนไปอย่างไม่รู้จบ

นอกจากนั้น สำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสความหรูหรามากยิ่งขึ้น ยังสามารถเลือกเวอร์ชั่นที่ประดับด้วยเพชรเม็ดเหลี่ยม บาแกตต์-คัต บนวงขอบตัวเรือน ซึ่งให้ความแวววาวที่โดดเด่นและสะดุดตายิ่งขึ้น ทำให้เรือนเวลานี้ มีความสง่างามที่ไม่สามารถมองข้ามได้

ในด้านของเทคนิคการออกแบบ การสร้างเรือนเวลาชิ้นนี้ถือเป็นความสำเร็จทางวิศวกรรมอย่างแท้จริง เพราะมีการออกแบบจานหมุนสามแผ่นที่เคลื่อนไหวอย่างอิสระโดยไม่สูญเสียความแม่นยำในการบอกเวลา

แม้การเพิ่มจานหมุนที่แสดงวินาทีเข้าไปจะทำให้การเคลื่อนไหวดูซับซ้อนขึ้น แต่กลับไม่มีการสูญเสียความสมดุลในการทำงานเลยแม้แต่น้อย การพัฒนาจานหมุนที่มีความเบาแต่สามารถหมุนได้อย่างราบรื่นก็เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดในการออกแบบ เพราะต้องใช้พลังงานน้อยที่สุดเพื่อให้การหมุนทุกจานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

นาฬิกาเรือนนี้นับเป็นผลงานที่ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความงดงามของศิลปะการสร้างนาฬิกา แต่ยังคงบรรลุถึงความสมบูรณ์แบบทางเทคนิคที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกแห่งการประดิษฐ์นาฬิกา

Franck Muller Round Triple Mystery 2025

ความท้าทายทางเทคนิค

การเพิ่มจานหมุนแผ่นที่สามสำหรับแสดงวินาทีใน เรือนเวลานี้ไม่ใช่เพียงแค่การสร้างสรรค์ที่ซับซ้อน แต่ยังเป็นการท้าทายขีดจำกัดทางเทคนิคอย่างแท้จริง เนื่องจากการเพิ่มความซับซ้อนในการเคลื่อนไหวของกลไกนั้นมีผลกระทบโดยตรงกับการใช้พลังงานในการทำงานของนาฬิกา

ซึ่งยิ่งเพิ่มความต้องการพลังงานมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จานหมุนวินาทีแผ่นกลางจึงถูกออกแบบให้เป็น โครงสเกเลตันที่มีทั้งความสวยงามและน้ำหนักเบา โดยเป็นการผสมผสานทั้งการประดิษฐ์ที่งดงามและการคำนึงถึงประสิทธิภาพของกลไกอย่างลงตัว

ความท้าทายที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาจานหมุนวินาทีคือการหาวิธีทำให้มัน เบาและแข็งแรง ในขณะเดียวกัน ซึ่งเป็นงานที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อนสูงสุด การสร้าง โครงจานสเกเลตัน ที่มีน้ำหนักเพียง 0.047 กรัม

และขนาดของโครงจานที่บางเฉียบเพียง 0.3 มิลลิเมตร ถือเป็นความสำเร็จทางวิศวกรรมที่น่าทึ่ง โดยชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเป็นพิเศษ เช่น ลูกศรแสดงค่าและเพชรที่ประดับไว้ยังคงทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของกลไก

เพื่อให้ได้ชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเบาและแข็งแรง นักประดิษฐ์ของ แฟรงค์ มุลเลอร์ จึงเลือกใช้ อะลูมิเนียม ในการผลิตจานหมุนวินาที เนื่องจากมันมีคุณสมบัติที่ลงตัวระหว่างความเบาและความทนทาน เหมาะสำหรับการสร้างชิ้นงานฉลุสเกเลตันที่ต้องการความแข็งแรงสูงในขนาดที่บางเฉียบ การกลึงชิ้นส่วนด้วยความแม่นยำในระดับสูงสุดนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากความละเอียดของการออกแบบที่ไม่อาจผิดพลาดได้แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

การประดิษฐ์ที่ไม่เหมือนใคร

การผลิตชิ้นส่วนที่มีขนาดเล็กและเบาเช่นนี้ถือเป็นงานที่ท้าทาย และเป็นการยกระดับความซับซ้อนในการสร้างสรรค์นาฬิกาอีกขั้นหนึ่ง แต่การทำงานที่สมบูรณ์แบบนี้ก็ทำให้เราได้เห็นจานหมุนวินาที ที่เคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่นและสมบูรณ์แบบ เพื่อเติมเต็มประสบการณ์ของการจับเวลาที่ไม่เหมือนใคร

ในที่สุด แผ่นจานชิ้นกลางที่มีเพชรเม็ดเดียวติดตั้งอยู่กลางงานศิลป์นี้ ก็ได้เปิดเผยความงามที่ซับซ้อนและเหนือความคาดหมาย ด้วยลวดลายเชิงเรขาคณิตที่แฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง ลวดลายที่มีความคล้ายคลึงกับสไปโรกราฟ (Spirograph) อันละเอียดอ่อนนี้

ไม่เพียงแต่สร้างความสวยงามในแต่ละการหมุนของจาน แต่ยังทำให้การเคลื่อนไหวดูเหมือนเป็นการเต้นรำที่สอดประสานกันระหว่าง จานชั่วโมง จานนาที และจานวินาที เสมือนการสร้างมิติใหม่ของการแสดงเวลาในรูปแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

การออกแบบนี้สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวอย่างไร้ที่สิ้นสุด ซึ่งเต็มไปด้วยจังหวะและความประณีตจากการหมุนของทั้งสามจาน จานแต่ละแผ่นมีบทบาทสำคัญในการบอกเวลา แต่การหมุนร่วมกันของจานทั้งสามยังสะท้อนถึงลักษณะพิเศษของ นาฬิกาเรือนนี้นับเป็นหนึ่งในเรือนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะสะท้อนการเคลื่อนไหวที่ไม่เคยหยุดนิ่งของเวลาเอง

ทุกส่วนของดีไซน์ใน ทริเปิล มิสทรี ถูกสร้างสรรค์เพื่อเพิ่มความงดงามให้กับเพชรที่ประดับบนตัวเรือน โดยเฉพาะเพชรเม็ดเล็กๆ ที่ประดับตามขอบของตัวเรือน ซึ่งทำให้แสงสะท้อนออกมาอย่างงดงามและเคลื่อนที่ตามจังหวะการหมุนของจานแต่ละแผ่น ช่วยเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สะดุดตาในทุกๆ การเคลื่อนไหวของจาน

การใช้รูปทรงเรขาคณิตในงานออกแบบยังคงทำหน้าที่เสริมความสมบูรณ์ของ การแสดงเวลา และเน้นย้ำถึงความประณีตในงานฝีมือของ แฟรงค์ มุลเลอร์ ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของจานหมุนไม่เพียงแต่เป็นการบอกเวลา แต่ยังเป็นการแสดงออกของ ความงามและศิลปะที่เคลื่อนไหวอย่างไร้ขอบเขต ลวดลายที่ซับซ้อนเหล่านี้ชวนให้มองเห็นความน่าหลงใหลในทุกๆ การหมุนวน สร้างประสบการณ์การรับชมที่ไม่เหมือนใคร

โดยเฉพาะ จานวินาที ที่ได้รับการออกแบบให้ประดับด้วยเพชรรูปทรงสามเหลี่ยม (Triangular-cut) ซึ่งไม่เพียงแต่ทำหน้าที่แสดงการเคลื่อนไหวของวินาที แต่ยังสร้างความสง่างามที่เต็มไปด้วยความหลากหลายในการจับภาพจังหวะของเวลาที่เคลื่อนที่ต่อเนื่องไปอย่างงดงาม ละเอียด และงามสง่า

ความลึกลับและเสน่ห์ของเวลา

ราวนด์ ทริเปิล มิสทรี คือผลงานที่สะท้อนถึงการเดินทางของจินตนาการและความท้าทายที่ไม่หยุดยั้ง เรือนเวลานี้ไม่ได้บอกแค่ชั่วโมงหรือนาที แต่เหมือนกับการเล่าเรื่องผ่านการเคลื่อนไหวของจานหมุนที่ลื่นไหลและสวยงาม ซึ่งเปรียบเสมือนการเต้นบัลเลต์ที่มีแสงและเวลาเป็นตัวแสดงหลัก ทุกองค์ประกอบในนาฬิกาถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้การดูเวลาเป็นเรื่องที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นการสัมผัสความงดงามที่มาพร้อมกับความรู้สึกพิเศษ

ที่สำคัญที่สุด เรือนเวลานี้คือการยกระดับประสบการณ์การมองเวลาให้เป็นเรื่องที่มีความหมายมากขึ้น ความซับซ้อนของการเคลื่อนไหวของจานทั้งสามชิ้นที่หมุนไปมา พร้อมกับการประดับเพชรที่ส่องแสงในทุกมุมมอง เป็นเสมือนการสร้างงานศิลปะที่ไม่เพียงแค่แสดงเวลา แต่ยังบอกเล่าถึงความตั้งใจและความพยายามในการออกแบบ

ถือเป็นอีกหนึ่งเรือนเวลาที่เหมือนเป็นการยกย่องความลึกลับและความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในทุกการเคลื่อนไหว แม้ว่ามันจะไม่ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนในทันที แต่กลับเป็นสิ่งที่คอยเชื้อเชิญให้เราหยุดมองและชื่นชมทุกรายละเอียดที่เกิดขึ้นในทุกวินาที นาฬิกานี้จึงไม่เพียงแต่เป็นเครื่องบอกเวลา แต่มันยังเป็นงานประดิษฐ์ที่ทำให้เรามองเวลาในมุมที่แตกต่างออกไป

ข้อมูลทางเทคนิค
ราวนด์ ทริเปิล มิสทรี
  • Ref: 7039 TM D 1R CD
  • ตัวเรือน: รูปทรงราวนด์ ขนาด 39 มม. x 10.05 มม. ตัวเรือนโรสโกลด์ / ไวท์โกลด์ 18 กะรัต ประดับเพชรทรงบริลเลียนท์คัต 206 เม็ด (5.22 กะรัต) ด้วยมือ
  • กระจก: กระจกคริสตัลแซฟไฟร์
  • กันน้ำ: กันน้ำได้สูงสุด 30 เมตร
  • หน้าปัด: ประดับเพชรบริลเลียนท์คัต 232 เม็ด (2.28 กะรัต) ด้วยมือ มีชิ้นแสดงเวลารูปสามเหลี่ยม ไทรแองเกิลคัต (0.07 กะรัต) ทำจากเพชร, มรกต, ทับทิม และแซฟไฟร์สีน้ำเงิน
  • ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที วินาที ผ่านแผ่นดิสก์ 3 จานหมุน
  • กลไก: MVD 2800-TM ขึ้นลานอัตโนมัติ สำรองพลังงานได้ 40 ชั่วโมง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง Ø 25.6 มม. x หนา 6.7 มม. ความถี่บาลานซ์วีล 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง
  • การตกแต่งกลไก: ขัดลายวนก้นหอยบนสะพานจักร / แกะสลักบนสะพานจักร / การปัดลายซาติน / การขัดเงาแบบเพชรบนโพรงรองรับและแนวปาด / การปัดลายประกายแสงอาทิตย์บนเฟืองล้อและฝาครอบตลับลาน
  • สาย: สายหนังจระเข้ ตัดเย็บด้วยมือ ตัวล็อกโรสโกลด์ / ไวท์โกลด์ 18 กะรัต ประดับเพชรบริลเลียนท์คัต 8 เม็ด (0.06 กะรัต) ด้วยมือ

ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในโลกเรือนเวลาสุดล้ำได้ที่ Revolution Thailand แหล่งรวมแรงบันดาลใจสำหรับนักสะสมนาฬิกาตัวจริง

ภาพ | ที่มา: Franck Muller

Share post:

More like this

เรื่องราวของกลไก BENU Power Reserve บทใหม่แห่งศิลปะช่างเยอรมันจาก Moritz Grossmann

Moritz Grossmann BENU Power Reserve นำเสนอการปรับปรุงรายละเอียดใหม่ที่ประณีต ด้วยหน้าปัด Azurage และเข็มทรงใหม่ ขับเคลื่อนด้วยกลไกไขลาน Calibre 100.2 พร้อมมาตรวัดพลังงานสำรองแบบเส้นตรง

นาฬิกา Grand Seiko ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

จากทะเลสาบซูวะถึงฟากฟ้ายามเที่ยงคืน Grand Seiko ถ่ายทอดความงดงามแห่งสายน้ำบนหน้าปัดทั้ง 4 รุ่น ที่สะท้อนแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและความประณีตของญี่ปุ่น

Oris x Cervo Volante เมื่อนาฬิกาพาเรากลับสู่ธรรมชาติแห่งสวิส ชมความหรูหราที่มาพร้อมความรับผิดชอบ

Oris x Cervo Volante กลับมาอีกครั้งพร้อมนาฬิกาที่มีสายหนังกวางที่ได้จากกระบวนการควบคุมประชากรตามธรรมชาติในสวิตเซอร์แลนด์ หน้าปัดสีส้ม Burnt Maple พร้อมกลไก Pointer Date สะท้อนจิตวิญญาณแห่งเทือกเขาแอลป์

Santos de Cartier Titanium การบุกเบิกครั้งใหม่ด้วยไทเทเนียมและจิตวิญญาณนักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่

Cartier เปิดตัว Santos de Cartier Titanium Large Model ตัวเรือนไทเทเนียม Grade 5 พ่นทรายด้าน เบากว่ารุ่นสตีล 43% ขับเคลื่อนด้วยกลไก 1847 MC พร้อมฟังก์ชัน QuickSwitch และ SmartLink เพื่อความสะดวกในการปรับเปลี่ยนสาย