Watches & Wonders 2025: Chanel J12 Bleu เผยโฉมเฉดสีน้ำเงินเซรามิก ในแบบที่แฟชั่นต้องจับตา
WORDS Celine Yap
เคยสังเกตไหมว่าสีน้ำเงินเซรามิกกำลังกลับมาเป็นจุดสนใจในวงการนาฬิกา? ไม่ว่ากระแสนี้จะเกิดขึ้นจากอะไร แต่เมื่อ Chanel ลงมือทำ นั่นหมายความว่ามีสิ่งที่ยิ่งใหญ่รออยู่เสมอ ล่าสุดที่ Watches and Wonders 2025 แบรนด์แฟชั่นระดับตำนานได้เผยโฉม Chanel J12 Bleu คอลเลกชันใหม่ที่นำเสนอสีน้ำเงินเข้มล้ำลึกจนเกือบดำ พร้อมเรือนเวลาทั้งหมด 9 รุ่น
พูดถึงสีสันกันสักหน่อย เพราะ Chanel คือแบรนด์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นจากความคลาสสิกของสีขาวและดำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคอลเลกชัน J12 ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความลงตัวของคู่สีสุดหรูนี้
แน่นอนว่า Chanel ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่สีขาวและดำเท่านั้น สีอื่น ๆ ก็มีบทบาทสำคัญในโลกแห่งการออกแบบของแบรนด์เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าพร้อมสวมใส่ แอ็กเซสซอรี โอตกูตูร์ หรือแม้แต่นาฬิกา และเมื่อใดก็ตามที่ Chanel ตัดสินใจเลือกสีใดสีหนึ่งมาเป็นแรงบันดาลใจ สีสันนั้นก็มักจะกลายเป็นไอคอนิกของวงการ

ลองนึกถึงชุดสูทสีชมพูของ Chanel ที่ Jackie Kennedy เคยสวมใส่ หรือย้อนกลับไปในยุค 1920s เมื่อ Coco Chanel หลงใหลในสีแดงจนแฟชั่นนิสต้าต้องบัญญัติคำว่า “Chanel Red” ขึ้นมา แต่น้อยคนนักจะรู้ว่า สีน้ำเงิน ก็เป็นหนึ่งในเฉดสีที่แบรนด์ใช้มาโดยตลอด
ไม่เพียงแค่ในแฟชั่นและบิวตี้ แต่สีน้ำเงินยังปรากฏอยู่ในกล่องเครื่องประดับของคอลเลกชัน Bijoux de Diamants เครื่องประดับไฮจิวเวลรีระดับตำนานที่เปิดตัวในปี 1932 และในวันนี้ Chanel ได้ยกระดับสีน้ำเงินขึ้นไปอีกขั้น ด้วยแรงบันดาลใจจากเฉดสีที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะสำหรับสตูดิโอนาฬิกาของแบรนด์
ความพิเศษของสีน้ำเงินเซรามิก
เซรามิกถือเป็นหัวใจสำคัญของ Chanel J12 ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวในปี 2000 ด้วยดีไซน์ล้ำสมัยที่มาพร้อมตัวเรือน และสายนาฬิกาทำจาก เซรามิกไฮเทคสีดำ จากนั้นในปี 2003 ก็ได้เปิดตัวเวอร์ชัน สีขาว แม้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Chanel จะพัฒนาเซรามิกออกมาหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการผสมผสานกับวัสดุต่าง ๆ มากมาย แต่สิ่งที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยก็คือ การนำเสนอเซรามิกสีสันสดใส ในคอลเลกชันนาฬิกาของแบรนด์ จนกระทั่งวันนี้กับ Chanel J12 Bleu
การที่ Chanel เป็นเจ้าของโรงงาน G&F Châtelain ซึ่งเป็นผู้นำด้านการผลิต และพัฒนาเซรามิกไฮเทค ทำให้แบรนด์มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้อยู่แล้ว แต่แม้จะมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง การพัฒนาเซรามิกไฮเทคในเฉดสีน้ำเงินเข้มที่สตูดิโอนาฬิกาของ Chanel จินตนาการไว้นั้น ก็ยังต้องใช้เวลาถึง 5 ปี


Arnaud Chastaingt ผู้อำนวยการสตูดิโอนาฬิกาของ Chanel กล่าวว่า
“ผมใฝ่ฝันที่จะเติมสีสันให้กับสีดำ ให้มันเปล่งประกายด้วยสีน้ำเงิน เฉดสีสุดท้ายที่เราเลือกเปรียบเสมือนการค้นพบที่สมบูรณ์แบบ ผมต้องการสีน้ำเงินที่สง่างาม สีน้ำเงินที่เกือบดำ หรือสีดำที่เกือบน้ำเงิน”
ผลลัพธ์ที่ได้คือ Chanel J12 Bleu นาฬิกาที่เผยเสน่ห์ของสีน้ำเงินในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เนื้อสัมผัสด้านแต่เปี่ยมไปด้วยความเนียนละมุนราวกับกำมะหยี่ เมื่อลองมองจากระยะไกล นาฬิกาจะดูเป็นสีดำสนิท แต่เมื่อแสงส่องกระทบ เฉดน้ำเงินเข้มจะปรากฏตัวออกมาอย่างมีมิติ
สำหรับ Watches and Wonders 2025 Chanel J12 Bleu จะเปิดตัวในสองกลุ่มที่แตกต่างกัน กลุ่มแรกคือ Haute Horlogerie ซึ่งเป็นการนำเสนอความฝันอันสูงสุดของ Chanel Watchmaking Studio ขณะที่กลุ่มที่สองคือ Core Accessible ที่ออกแบบมาเพื่อการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน

Chanel J12 Bleu Diamond Tourbillon Watch
เข้าสู่โลกของ Haute Horlogerie นาฬิกาเรือนนี้เป็นสุดยอดงานศิลป์ที่สะท้อนปรัชญาการประดิษฐ์นาฬิกาชั้นสูงของแบรนด์ ซึ่งนำเทคนิคชั้นเยี่ยมมาใช้เพื่อเสริมความงามของดีไซน์ ตัวเรือนเซรามิกสีน้ำเงินด้านขนาด 38 มม. ตัดขอบอย่างสง่างามด้วย สตีลเคลือบดำ และกลไก Calibre 5 Tourbillon ที่เผยให้เห็นบางส่วนผ่านหน้าปัด
เฉดสีน้ำเงินเข้มที่เคร่งขรึมปกคลุมทุกส่วนของนาฬิกา แม้แต่แซฟไฟร์บาแก็ตคัตสีน้ำเงิน 34 เม็ด ที่ประดับอยู่บนขอบตัวเรือน ก็ได้รับการออกแบบให้เน้นสีสันมากกว่าความแวววาว เพื่อดึงดูดทุกสายตาไปยังจุดโฟกัสเพียงหนึ่งเดียว เพชรเม็ดเดี่ยว ที่ส่องประกายอยู่บนทูร์บิญอง
ข้อมูลทางเทคนิค
กลไก: ไขลานด้วยมือ Caliber 5 Tourbillon ประดับเพชร 1 เม็ด สำรองพลังงาน 42 ชั่วโมง
ฟังก์ชัน: แสดงเวลาแบบชั่วโมงและนาที พร้อมฟลายอิงทูร์บิญอง
ตัวเรือน: ขนาด 38 มม. / เซรามิกไฮเทคสีน้ำเงินด้านและสตีลเคลือบดำ ขอบตัวเรือนประดับแซฟไฟร์บาแก็ตคัต 34 เม็ด / กันน้ำลึก 50 เมตร
หน้าปัด: โอเพ่นเวิร์กสีน้ำเงินด้าน
สายนาฬิกา: เซรามิกไฮเทคสีน้ำเงินด้านขัดเหลี่ยมเงา พร้อมบานพับสามทบทำจากสตีลเคลือบดำ
จำนวนจำกัด: ผลิตเพียง 55 เรือนทั่วโลก
Chanel J12 Bleu X-Ray Watch
แม้ว่าเซรามิกจะเป็นวัสดุหลักของ Chanel แต่เมซงก็ไม่เคยลังเลที่จะนำแซฟไฟร์คริสตัลโปร่งใสหรือแบบย้อมสีมาใช้เช่นกัน และผลลัพธ์ก็คือ J12 X-Ray นาฬิกาที่เผยให้เห็นความงามของ “ความไร้สี” อย่างแท้จริง


หลังจากเปิดตัว X-Ray Rainbow และ J12 X-Ray Pink ในปีที่แล้ว ปีนี้ Chanel ขอนำเสนอ J12 Bleu X-Ray Watch ซึ่งเผยให้เห็นความโปร่งแสงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเฉดสีฟ้าบางเบาของท้องฟ้าและท้องทะเลในวันที่อากาศปลอดโปร่ง

ตัวเรือนและสายของนาฬิกา ถูกแกะสลักจากบล็อกแซฟไฟร์สังเคราะห์เพียงชิ้นเดียว ใช้เวลาทำกว่า 1,600 ชั่วโมง ขอบตัวเรือนและข้อต่อสายเคลือบไวท์โกลด์สีดำ เสริมด้วยแซฟไฟร์ธรรมชาติสีน้ำเงินถึง 196 เม็ด ที่ประดับบนขอบตัวเรือน สาย และตำแหน่งบอกเวลา
กลไกที่ขับเคลื่อนนาฬิกาเรือนนี้คือ Calibre 3.1 ซึ่งยังคงเอกลักษณ์ของ X-Ray Series ด้วยการใช้แซฟไฟร์ไร้สีเป็นเพลทและบริดจ์ ส่งผลให้เฟืองกลไกที่เหลือดูราวกับลอยอยู่กลางอากาศ เช่นเดียวกับมาร์กเกอร์ชั่วโมงแซฟไฟร์น้ำเงิน ที่ฝังอยู่บนดิสก์แซฟไฟร์ไร้สี
J12 Bleu X-Ray with black-coated white gold links and bezel
ข้อมูลทางเทคนิค
กลไก: ไขลานด้วยมือ Caliber 3.1 พร้อมเพลทและบริดจ์ทำจากแซฟไฟร์คริสตัล พลังงานสำรองนาน 55 ชั่วโมง
ฟังก์ชัน: แสดงเวลาแบบชั่วโมงและนาที
ตัวเรือน: ขนาด 38 มม. ทำจากแซฟไฟร์คริสตัลสีน้ำเงิน และไวท์โกลด์ 18K เคลือบดำ กันน้ำลึก 30 เมตร
หน้าปัด: แซฟไฟร์คริสตัลโปร่งใส
สายนาฬิกา: แซฟไฟร์คริสตัลสีน้ำเงิน และไวท์โกลด์ 18K เคลือบดำ ประดับด้วยแซฟไฟร์น้ำเงินบาแก็ตคัต 138 เม็ด (~10.15 กะรัต) พร้อมบานพับไวท์โกลด์ 18K เคลือบดำแบบสามทบ
จำนวนจำกัด: ผลิตเพียง 12 เรือนทั่วโลก

Chanel J12 Bleu Sapphires
คอลเลกชัน J12 Bleu ยังคงต่อยอดแนวคิด “น้ำเงินซ้อนน้ำเงิน” ด้วยนาฬิกา J12 Bleu Sapphires จำนวนสามรุ่นในขนาดที่แตกต่างกัน ซึ่งสะท้อนถึงจิตวิญญาณสนุกสนานของ Chanel โดยเฉพาะการจับคู่ระหว่างตัวเรือนขนาด 42 มม. และ 28 มม. ที่ให้ลุค “Maxi-Meets-Mini” เหมาะสำหรับคู่รักหรือสายแฟชั่นที่ชื่นชอบสไตล์ของ Chanel ไม่ว่าจะเป็นแจ็กเก็ตหรือกระเป๋าสุดไอคอนิก
J12 Bleu in matte blue ceramic with blue sapphires
อีกครั้งที่เราได้เห็นเซรามิกสีน้ำเงินด้านถูกผสานอย่างงดงามกับแซฟไฟร์ธรรมชาติบาแก็ตคัต อัญมณีเหล่านี้ถูกฝังประดับรอบขอบตัวเรือน และบนข้อกลางของสาย ต้องใช้เวลากว่า 110 ชั่วโมง ในการฝังอัญมณีลงบนตัวเรือนของ J12 ทั้งสองรุ่น โดยรุ่น 42 มม. ประดับด้วยแซฟไฟร์บาแก็ตคัตจำนวน 170 เม็ด ส่วนรุ่น 28 มม. ใช้ถึง 196 เม็ด


แม้รุ่นขนาด 42 มม. จะมาพร้อมกลไกอัตโนมัติ Calibre 12.1 ที่ผลิตโดย Kenissi และผ่านการรับรองมาตรฐาน COSC ส่วนรุ่น 28 มม. ใช้ระบบควอตซ์ แต่ถ้ามองในแง่ดี ขนาดที่เล็กกว่านี้ก็หมายความว่า…คุณสามารถใส่กำไล Coco Crush ซ้อนกันได้ตามใจชอบ และยังได้โชว์ความทนทานของเซรามิกไฮเทคที่ไม่เป็นรอยง่ายได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
ข้อมูลทางเทคนิค
J12 Bleu Sapphires 42mm
กลไก: อัตโนมัติ Caliber 12.1 ได้รับการรับรอง COSC พลังงานสำรอง 70 ชั่วโมง
ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที และวินาที
ตัวเรือน: 42 มม. เซรามิกสีน้ำเงินด้านและสตีลเคลือบดำ ขอบเบเซลประดับแซฟไฟร์น้ำเงินบาแก็ตคัต 48 เม็ด / เม็ดมะยมฝังเพชรเจียระไนทรงกลม กันน้ำ 50 เมตร
หน้าปัด: สีน้ำเงินด้าน พร้อมหลักชั่วโมงแซฟไฟร์น้ำเงินบาแก็ตคัต 12 เม็ด
สายนาฬิกา: เซรามิกสีน้ำเงินด้านและสตีลเคลือบดำ ประดับแซฟไฟร์น้ำเงินบาแก็ตคัต 110 เม็ด พร้อมตัวล็อกแบบสามทบ
จำนวนจำกัด: ผลิตเพียง 12 เรือน
ข้อมูลทางเทคนิค
J12 Bleu Sapphires 28mm
กลไก: ควอตซ์ความเที่ยงตรงสูง
ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที และวินาที
ตัวเรือน: 28 มม. เซรามิกสีน้ำเงินด้านและสตีลเคลือบดำ ขอบเบเซลประดับแซฟไฟร์น้ำเงินบาแก็ตคัต 46 เม็ด / เม็ดมะยมฝังเพชรเจียระไนทรงกลม กันน้ำ 30 เมตร
หน้าปัด: สีน้ำเงินด้าน พร้อมหลักชั่วโมงแซฟไฟร์น้ำเงินบาแก็ตคัต 12 เม็ด
สายนาฬิกา: เซรามิกสีน้ำเงินด้านและสตีลเคลือบดำ ประดับแซฟไฟร์น้ำเงินบาแก็ตคัต 138 เม็ด พร้อมตัวล็อกแบบสามทบ
จำนวนจำกัด: ผลิตเพียง 12 เรือน
ถัดมา รุ่นที่สามมาพร้อมเสน่ห์ในขนาดที่ลงตัว 38 มม. โดยครั้งนี้ แซฟไฟร์สีน้ำเงินแบบบาแก็ตคัต ถูกประดับไว้เฉพาะรอบขอบตัวเรือนเท่านั้น เช่นเดียวกับรุ่น 42 มม. นาฬิการุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ Calibre 12.1 ที่ผ่านการรับรอง COSC และผลิตโดย Kenissi เพื่อ Chanel โดยเฉพาะ เมื่อพลิกดูด้านหลัง ฝาหลังแซฟไฟร์เผยให้เห็นกลไกภายในที่ตกแต่งด้วยโทนสีดำทั้งหมด สอดรับกับดีไซน์เรียบหรูของตัวเรือนได้อย่างลงตัว

ข้อมูลทางเทคนิค
Chanel J12 Bleu Sapphires 38mm
กลไก: อัตโนมัติ Caliber 12.1 ได้รับการรับรอง COSC พลังงานสำรอง 70 ชั่วโมง
ฟังก์ชัน: ชั่วโมง นาที และวินาที
ตัวเรือน: 38 มม. เซรามิกสีน้ำเงินด้านและสตีลเคลือบดำ ขอบเบเซลประดับแซฟไฟร์น้ำเงินบาแก็ตคัต 46 เม็ด / เม็ดมะยมฝังเพชรเจียระไนทรงกลม / กันน้ำ 50 เมตร
หน้าปัด: สีน้ำเงินด้าน พร้อมหลักชั่วโมงแซฟไฟร์น้ำเงินบาแก็ตคัต 12 เม็ด
สายนาฬิกา: เซรามิกสีน้ำเงินด้านและสตีลเคลือบดำ พร้อมตัวล็อกแบบสามทบ
จำนวนจำกัด: ผลิตเพียง 100 เรือน
Chanel J12 Bleu
จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของ Chanel Watch Creation Studio ไม่มีขีดจำกัด เพราะสำหรับพวกเขา เซรามิกไฮเทคไม่ได้เป็นเพียงวัสดุร่วมสมัย แต่สามารถถูกมองและถ่ายทอดออกมาได้อย่างสง่างาม ไม่ต่างจากโลหะมีค่าดั้งเดิม
“ตลอดระยะเวลา 25 ปี Chanel ได้ยกระดับเซรามิกให้กลายเป็นวัสดุล้ำค่าไม่แพ้โลหะมีค่า”
Arnaud Chastaingt กล่าว “ศิลปะแห่งเซรามิกคือหัวใจของการผลิตนาฬิกา Chanel และเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญของเราอย่างแท้จริง วัสดุชนิดนี้มอบแรงบันดาลใจมากมาย และด้วยความอัจฉริยะของวิศวกรของเรา ก็ทำให้เซรามิกกลายเป็นสนามแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขอบเขต”


จากแนวคิดนี้เอง Chanel จึงออกแบบลวดลายบาแก็ตสำหรับขอบตัวเรือนของ J12 ซึ่งให้ความรู้สึกหรูหราอย่างมีชั้นเชิง และในวันนี้ลวดลายนี้ก็ปรากฏอยู่ใน J12 Bleu ขนาด 38 มม. และ 33 มม.


ออกแบบมาเพื่อการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน นาฬิกาทั้ง 4 รุ่นลิมิเต็ดเอดิชันนี้จึงเป็นไอเท็มคลาสสิกที่เข้ากันได้ดีกับลุคโมโนโครมสำหรับผู้ที่หลงใหลในความเรียบหรูแบบมีสไตล์ ทุกรุ่นขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ โดยรุ่นขนาด 38 มม. มาพร้อม Calibre 12.1 ที่ผลิตโดย Kenissi ส่วนรุ่น 33 มม. ใช้ Calibre 12.2
อีกหนึ่งความพิเศษที่ทำให้นาฬิกาแต่ละรุ่นโดดเด่นยิ่งขึ้น คือ ตัวเลือกในการประดับอัญมณี หากคุณชื่นชอบ หลักชั่วโมงแบบแซฟไฟร์สีน้ำเงินทรงบาแก็ตคัต ก็สามารถเลือกได้ทั้งรุ่น 38 มม. หรือ 33 มม. ถ้าคุณหลงใหลในความเปล่งประกายของ หลักชั่วโมงแบบเพชรเจียระไนทรงกลม รุ่น 33 มม. ก็มีให้เลือกอย่างลงตัว แต่ถ้าคุณต้องการความมินิมอลโดยไม่ใส่อัญมณีเลย รุ่น 38 มม. ที่มาพร้อม หน้าต่างแสดงวันที่ที่ตำแหน่ง 4.30 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์
ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในโลกเรือนเวลาสุดล้ำได้ที่ Revolution Thailand แหล่งรวมแรงบันดาลใจสำหรับนักสะสมนาฬิกาตัวจริง
ภาพ / ที่มา: Revolution

