ที่สุดแห่งการผสานเข้ากันของ อีนาเมลสีดำ และแพลทินัมบริสุทธิ์จาก Breguet
นาฬิการุ่น Classique 5177 และ Classique Phase de Lune 7787 ซึ่งเป็นรุ่นที่อยู่ในแค็ตตาล็อกของ Breguet มาอย่างยาวนาน ในที่สุดก็ได้รับการปรับโฉมใหม่ ซึ่งถือเป็นรุ่นแรกในรอบ 5 ปี นาฬิการุ่นใหม่ล่าสุดนี้มาพร้อมหน้าปัดสีดำที่รังสรรค์งานอีนาเมลจากเทคนิค กรองด์เฟอ ที่ทำให้หน้าปัดดูลึกลับชวนค้นหา และตัวเรือนแพลทินัมที่แวววาวตัดกันอย่างงดงามสุดเลอค่า ทำให้การกลับมาครั้งนี้คุ้มค่าสมการรอคอยอย่างยิ่ง

นาฬิกาสามเข็มและแสดงวันที่
Classique 5177 เป็นนาฬิกาสามเข็มที่เรียบง่าย มีให้เลือกหลายสไตล์ รวมถึงหน้าปัดกิโยเช่อันเป็นเอกลักษณ์ของ Breguet พร้อมด้วยหน้าปัดเคลือบอีนาเมลที่เปิดตัวล่าสุด นาฬิกา 2 รุ่นล่าสุดนี้เผยให้เห็นทิศทางใหม่ของแบรนด์ โดยใช้สีสันที่โดดเด่นเพื่อเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับนาฬิกาในขณะที่ยังคงรักษาเทคนิคการทำหน้าปัดแบบดั้งเดิมเอาไว้ แนวทางนี้ปรากฏครั้งแรกในรุ่นเคลือบอีนาเมลสีน้ำเงิน และตอนนี้ในที่สุดก็มีรุ่นเคลือบอีนาเมลสีดำอันโดดเด่น ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นรุ่นที่น่าดึงดูดใจที่สุดจนถึงปัจจุบัน
นอกเหนือจากการเคลือบเงาคุณภาพสูงแล้ว ส่วนของหน้าปัดยังมีรายละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์ แตกต่างจากนาฬิกาที่อยู่ในช่วงราคาเดียวกัน อาทิ หลักนาทีที่เป็นรูปดาว ซึ่งถือเป็นความพิเศษเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่โดนใจนักสะสม เนื่องจาก เป็นดีไซน์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาพกวินเทจของ Breguet และแน่นอนว่าส่วนของพื้นหน้าปัดนั้นจะต้องมีหลักชั่วโมงแบบตัวเลขคลาสสิกสไตล์ Breguet อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังมีช่องวันที่ ที่ได้รับการออกแบบให้กลมกลืนกับพื้นหลังสีดำ แต่ก็ยังมองเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งบางคนอาจรู้สึกว่าไม่จำเป็น แต่ในขณะที่บางคนอาจคิดว่าช่องวันที่นั้น เป็นองค์ประกอบที่ช่วยเสริมให้นาฬิกาดูร่าเริง และอ่อนเยาว์ลงด้วย โดยเฉพาะตัวเลขและเครื่องหมายที่วิจิตรบรรจง

แสดงข้างขึ้นข้างแรมและพลังงานสำรอง (Moonphase and power reserve)
นาฬิกาเคลือบอีนาเมลสีดำอีกรุ่นหนึ่ง คือ Classique Phase de Lune 7787 ซึ่งมีความแตกต่างจากรุ่น 5177 ตรงที่มีหลักนาทีหลายรูปแบบ สร้างสรรค์รูปลักษณ์ที่ดูเป็นธรรมชาติที่ซับซ้อน และสวยงาม ดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจอย่างยิ่ง อีกประการหนึ่งคือ การจัดวางเข็มและมาตรบ่งชี้พลังงานสำรอง ข้างขึ้นข้างแรม และโลโก้ของแบรนด์นั้นไม่ธรรมดา ทำให้แตกต่างจากนาฬิกาที่คล้ายกันในตลาด
แต่ละส่วนประกอบยังทำขึ้นด้วยรายละเอียดที่ละเอียดอ่อน ตัวอย่างเช่น เข็มพลังงานสำรองที่ยาวเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นการยกย่องนาฬิกาพกวินเทจ และเพิ่มความสง่างามให้กับหน้าปัด ส่วนฟังก์ชันบอกข้างขึ้นข้างแรมก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน โดยมีแผ่นบอกเวลาพร้อมดวงจันทร์ที่ถูกสร้างสรรค์ให้คล้ายกับพื้นผิวของดวงจันทร์

ตัวเรือนและกลไก
นาฬิกาทั้ง 2 รุ่นมีสัดส่วนแบบคลาสสิกทั้งในด้านความกว้างและความหนา โดยนาฬิการุ่น 5177 มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 38 มม. และหนา 8.8 มม. ในขณะที่รุ่น Phase de Lune 7787 มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยที่ 39 มม. หนา 10.3 มม. แต่ยังคงกะทัดรัดและลงตัว
เรื่องของขนาดนั้น ถือว่าทำได้ดีเป็นพิเศษ เป็นนาฬิกาที่ดูสง่างาม ตรงตามมาตรฐานสมัยใหม่ สวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง

นาฬิกาขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ฝาหลังเป็นกระจกแซฟไฟร์คริสตัลใส เผยให้เห็นโรเตอร์ที่ตกแต่งด้วยลวดลายกิโยเช โดยรุ่น 5177 มีลวดลายกิโยเชที่ซับซ้อนกว่า

สิ่งที่ควรทราบคือนาฬิกาทั้ง 2 รุ่นใช้กลไกที่แตกต่างกัน โดยรุ่น 5177 ซึ่งเป็นกลไกแสดงเวลาและวันที่นั้นใช้กลไก Cal.777 ซึ่งพัฒนาโดย Breguet ตั้งแต่ในปี 2006 ในขณะที่รุ่น Phase de Lune 7787 ใช้กลไก Cal.591 ซึ่งใช้กลไก Lemania แบบวินเทจเป็นพื้นฐาน ซึ่งอธิบายได้ว่าทำไมรุ่น Cal.777 จึงมีพลังสำรองที่ยาวนาน 55 ชั่วโมง ในขณะที่รุ่น Cal.591 มีพลังสำรองที่ 38 ชั่วโมง โดยทั้งสองกลไกนั้นใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของ Breguet รวมถึงกลไกกันกระเทือนและบาลานซ์สปริงซิลิกอน ซึ่งป้องกันสนามแม่เหล็กได้ และช่วยเพิ่มความแม่นยำในการบอกเวลา

ข้อมูลทางเทคนิค: Breguet Classique 5177
- กลไก: อัตโนมัติ Cal.777 Q สำรองพลังงานได้ 55 ชั่วโมง
- ฟังก์ชัน: แสดงชั่วโมง นาที วินาที และวันที่
- ตัวเรือน: แพลทินัม ขนาด 38 มม. หนา 8.8 มม. กันน้ำได้ 30 เมตร
- สาย: หนังจระเข้สีดำพร้อมหัวเข็มขัดแพลทินัม
ข้อมูลทางเทคนิค: Breguet Classique Phase de Lune 7787
- กลไก: อัตโนมัติ Cal.591 DRL สำรองพลังงานได้ 38 ชั่วโมง
- ฟังก์ชัน: แสดงชั่วโมง นาที วินาที มูนเฟส และพลังงานสำรอง
- ตัวเรือน: แพลทินัม ขนาด 39 มม. หนา 10.3 มม. กันน้ำได้ 30 เมตร
- สาย: หนังจระเข้สีดำพร้อมตัวล็อกแพลทินัมแบบบานพับ
“ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในโลกเรือนเวลาสุดล้ำได้ที่ Revolution Thailand – แหล่งรวมแรงบันดาลใจสำหรับนักสะสมนาฬิกาตัวจริง”
ที่มา: by Lee Sheng

