Zenith โดดเด่นที่ Watches and Wonders 2025 กับสามนาฬิกาเซรามิกฟ้าสุดล้ำและ Calibre 135 G.F.J

Date:

Zenith ฉลองวันสำคัญด้วยการเปิดตัวนาฬิกาเซรามิกที่เป็นเอกลักษณ์ 3 รุ่นในเฉดสีใหม่ล่าสุด ที่จะทำให้วงการนาฬิกาต้องหันมามอง

ปีนี้เป็นการฉลองครบรอบ 160 ปีของบริษัทที่ก่อตั้งโดย George Favre-Jacot ที่ Le Locle ในปี 1865 ซึ่งภายหลังกลายเป็น Fabrique des Montres Zenith S.A. ในปี 1911 โดยใช้ชื่อจากกลไก “Zenith” ที่ได้รับรางวัลซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นกลไกที่แม่นยำที่สุดในยุคนั้น

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการก้าวเข้าสู่ปีสำคัญนี้ CEO Benoit de Clerck จะเปิดตัวรุ่นพิเศษในปี 2025 และยังคงให้เกียรติ 3 รุ่นยอดนิยมของแบรนด์ด้วยการนำเสนอในเวอร์ชันใหม่ที่เต็มไปด้วยสีสัน พร้อมเซรามิกสีฟ้าจาก Zenith ที่ไม่มีใครเหมือน

“สีฟ้าถือเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของ Zenith มาตั้งแต่ยุคผู้ก่อตั้งเลยก็ว่าได้” Benoit de Clerck กล่าว “George Favre-Jacot มักจะเงยหน้ามองท้องฟ้าเหนือ Le Locle และสำหรับเขา… ท้องฟ้านั้นคือสีฟ้าเสมอ นั่นคือเหตุผลที่สีฟ้ามีบทบาทสำคัญในหลายองค์ประกอบของ Zenith และถูกถ่ายทอดลงสู่นาฬิกาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แน่นอนว่าเรามีการใช้เฉดสีที่หลากหลาย แต่สำหรับวาระครบรอบ 160 ปี เราอยากให้คอลเลกชันพิเศษนี้สื่อสารด้วยโทนสีเดียว เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวและทรงพลัง”

de Clerck อธิบายว่าอย่างน้อยในตอนนี้ เซรามิกสีฟ้าเฉดใหม่นี้จะถูกสงวนไว้ให้กับรุ่นพิเศษฉลองครบรอบ 160 ปีเท่านั้น “ตัวเรือนเซรามิกอาจฟังดูเรียบง่าย แต่ในความจริงแล้วมันเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนทางเทคนิคมาก” เขากล่าว 

พร้อมเน้นย้ำถึงความท้าทายในการทำงานกับวัสดุประเภทนี้ “การสร้างสีใหม่ให้กับเซรามิกยิ่งยากเข้าไปอีก เพราะสีหลายชนิดจะซีดลงเมื่อเจอกับอุณหภูมิสูง และเราต้องการเฉดสีที่สดใสจริงๆ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นการผลิตจึงมีข้อจำกัด และจะยังคงเป็นรุ่นที่มีจำนวนจำกัดอยู่เสมอ”

A Trio of Ceramic Zenith Blue

เฉดสีใหม่ของเซรามิก ที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Royal Blue และ Indigo ถือว่าแปลกตาและน่าหลงใหล เพราะวัสดุเซรามิกทำให้โทนสีดูสว่างกว่าที่เคยเห็นจาก Zenith ในอดีต

สำหรับนาฬิกา Ceramic Zenith Blue ทั้ง 3 รุ่นที่เปิดตัวในปีนี้ จะทยอยเผยโฉมอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นไป ประกอบด้วย Pilot Big Date Flyback, Defy Skyline Chronograph และ Chronomaster Sport โดยแต่ละรุ่นจะผลิตจำกัดเพียง 160 เรือน เท่านั้น มาพร้อมโรเตอร์พิเศษสลักคำว่า “160th Anniversary”

และแน่นอนว่า นาฬิกาทั้ง 3 รุ่นนี้เป็น Chronograph ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในความเชี่ยวชาญระดับตำนานของ Zenith โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลไกระดับไอคอนอย่าง El Primero ที่ยังคงโดดเด่นเหนือกาลเวลา

Zenith โดดเด่นที่ Watches and Wonders 2025
เฉดฟ้าน้ำเงินแบบโมโนโครมทั้งเรือนถูกเติมเต็มความเท่ด้วย เม็ดมะยมและปุ่มกดทรงสี่เหลี่ยมที่ทำจากไทเทเนียม ซึ่งช่วยขับความล้ำสมัยและความหรูหราออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง ภาพ: Revolution ©

Zenith โดดเด่นที่ Watches and Wonders 2025
ภาพ: Revolution ©

ประเดิมรุ่นแรกกับ Pilot Big Date Flyback 160th

มาพร้อมตัวเรือนขนาด 41 มม. รุ่นนี้เป็นเพียงหนึ่งเดียวในสามเรือนที่ ไม่ได้ใช้สายเซรามิก แต่เลือกจับคู่กับ สายยางลาย Cordura แบบถอดเปลี่ยนได้ ในสีฟ้า Zenith และสีขาว เพิ่มมิติความสปอร์ตแบบร่วมสมัย

Zenith ยังคงเป็นแบรนด์เดียวในโลก ที่มีสิทธิ์ใช้คำว่า “Pilot” บนหน้าปัดนาฬิกา โดยมีประวัติศาสตร์ในโลกการบินย้อนไปถึงปี 1904 เมื่อแบรนด์ได้จดทะเบียนชื่อคำนี้ไว้ และนับแต่นั้น นาฬิกานักบิน ก็กลายเป็นหนึ่งในหมวดที่อยู่คู่กับ Zenith มาโดยตลอด รุ่นใหม่นี้จึงเป็นเหมือนการ ตีความใหม่อย่างเฉียบคม ของตำนานที่บินข้ามกาลเวลามากว่าศตวรรษ

ในรุ่น Pilot Big Date Flyback จะเห็นได้ถึงดีไซน์ที่ทั้งดุดันและล้ำสมัย โดยมีหน้าปัดย่อยขนาดใหญ่สองตำแหน่ง วางไว้ที่ 3 และ 9 นาฬิกา ขณะที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกาคือช่องแสดงวันที่ขนาดใหญ่แบบ Big Date ซึ่งทำงานแบบ “เปลี่ยนเลขทันที” (Instantaneous) ด้วยกลไกจดสิทธิบัตรเฉพาะของแบรนด์

หน้าปัดยังคงกลิ่นอายของร่องแนวนอน อันเป็นซิกเนเจอร์ของนาฬิกา Pilot รุ่นใหม่ พร้อมตัวเลขอารบิกและชุดเข็มที่เคลือบด้วย Super-LumiNova สีฟ้าและขาว เพื่อความชัดเจนในทุกสภาพแสง

ขับเคลื่อนด้วยกลไก El Primero 3652 พร้อม Column Wheel และ Lateral Clutch เสริมด้วยฟังก์ชัน Flyback Chronograph ที่ช่วยให้สามารถจับเวลาต่อเนื่องได้ทันที โดยไม่ต้องหยุด รีเซ็ต แล้วเริ่มใหม่ สมบูรณ์แบบทั้งในด้านฟังก์ชันและอารมณ์ความเป็นนักบินยุคใหม่อย่างแท้จริง

Zenith โดดเด่นที่ Watches and Wonders 2025
เฉดสีเข้มลุ่มลึกของตัวเรือนและสายแบบเซรามิกขนาด 42 มม. สะท้อนความโดดเด่นอย่างมีเอกภาพ ไปถึงหน้าปัด ซึ่งตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลักเรขาคณิตที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก โลโก้ดาวสี่แฉกอันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ ภาพ: Revolution ©
Zenith โดดเด่นที่ Watches and Wonders 2025
ภาพ: Revolution ©

มาถึงรุ่นที่สองซึ่งเตรียมวางตลาดในเดือนมิถุนายนคือ Defy Skyline Chronograph 160th ขนาด 42 มม. ที่ขับเคลื่อนด้วยกลไกระดับเทพ El Primero 3600 ความละเอียดระดับ 1/10 วินาที

ไฮไลต์ของรุ่นนี้อยู่ที่ หน้าปัดแบบเปลือย (Skeletonised Dial) ที่เปิดให้ชมรายละเอียดของกลไก El Primero 3600 ได้อย่างเต็มตา เสริมความโดดเด่นด้วย สายเซรามิกสี Zenith blue พร้อมสายยางแบบถอดเปลี่ยนได้ในสีเดียวกัน สะท้อนความเฉียบคมของดีไซน์ และศิลปะแห่งความแม่นยำที่เป็นหัวใจของตระกูล Defy อย่างแท้จริง

Zenith โดดเด่นที่ Watches and Wonders 2025
เฉดสีฟ้าอันโดดเด่นยังถูกส่งต่อไปถึง หน้าปัดแบบซันเรย์ (Sunray-finished dial) ที่เปล่งประกายยามต้องแสง โดยมีจุดเด่นคือ หน้าปัดย่อยแบบซ้อนเหลื่อม 3-6-9 ในโทนสีไตรคัลเลอร์อันเป็นเอกลักษณ์ของ Zenith ภาพ: Revolution ©
Zenith โดดเด่นที่ Watches and Wonders 2025
ภาพ: Revolution ©

สุดท้ายในเดือนกันยายนจะเป็นการเปิดตัว Chronomaster Sport 160th ซึ่งคาดว่าจะกลายเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงสุด มาพร้อมตัวเรือนเซรามิกขนาด 41 มม. โดยมี ปุ่มกด chronograph แบบปั๊ม และ สายเซรามิกสีฟ้า ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว (และแน่นอนว่ามาพร้อมสายยางสี Zenith blue แบบถอดเปลี่ยนได้)

ข้อมูลทางเทคนิค
Zenith Pilot Big Date Flyback 160th Anniversary Edition

หมายเลขอ้างอิง: 49.4002.3652/51.I009
กลไก: อัตโนมัติ 5 Hz El Primero 3652 สำรองพลังงาน 60 ชั่วโมง
ฟังก์ชั่น: ชั่วโมงและนาที วินาทีเล็ก วันที่ขนาดใหญ่เปลี่ยนทันที ฟังก์ชัน Flyback Chronograph
ตัวเรือน: ขนาด 41 มม. × 14.25 มม. เซรามิกไมโครบลาสต์สีฟ้า กันน้ำลึก 100 เมตร
หน้าปัด: สีฟ้า มีร่องแนวนอน
สาย: สายยางลาย Cordura สีฟ้า สายยางลาย Cordura สีขาวเพิ่มเติม ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับ หัวเข็มขัดพับสามตอน จากสแตนเลส
จำนวนผลิต: รุ่นพิเศษจำกัดเพียง 160 เรือน วางจำหน่ายกันยายน 2025

ข้อมูลทางเทคนิค
Zenith Defy Skyline Chronograph 160th Anniversary Edition

หมายเลขอ้างอิง: 49.9502.3600/51.I001
กลไก: อัตโนมัติ 5 Hz El Primero 3600 สำรองพลังงาน 60 ชั่วโมง
ฟังก์ชั่น: ชั่วโมงและนาที วินาทีเล็ก ฟังก์ชัน chronograph 1/10 วินาที วันที่
ตัวเรือน: ขนาด 42 มม. × 12.7 มม. เซรามิกสีฟ้า กันน้ำลึก 100 เมตร
หน้าปัด: ลายซันเรย์สีฟ้าคล้ายท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดาว
สาย: สายเซรามิกสีฟ้า พร้อมหัวเข็มขัดพับสองตอน สายยางสีฟ้าเพิ่มเติม พร้อมหัวเข็มขัดพับจากสแตนเลส
จำนวนผลิต: รุ่นพิเศษจำกัดเพียง 160 เรือน วางจำหน่ายมิถุนายน 2025

ข้อมูลทางเทคนิค
Chronomaster Sport 160th Anniversary Edition

หมายเลขอ้างอิง: 49.3102.3600/51.M3100
กลไก: อัตโนมัติ 5 Hz El Primero 3600 สำรองพลังงาน 60 ชั่วโมง
ฟังก์ชั่น: ชั่วโมงและนาที วันที่ ฟังก์ชัน chronograph 1/10 วินาที
ตัวเรือน: ขนาด 41 มม. × 13.6 มม. เซรามิกสีฟ้า กันน้ำลึก 100 เมตร
หน้าปัด: ซันเรย์สีฟ้าพร้อมหน้าปัดย่อยสามสีที่แตกต่าง
สาย: สายเซรามิกสีฟ้า พร้อมหัวเข็มขัดพับเซรามิก สายยางสีฟ้าเพิ่มเติม พร้อมหัวเข็มขัดพับจากสแตนเลส
จำนวนผลิต: รุ่นพิเศษจำกัดเพียง 160 เรือน วางจำหน่ายกันยายน 2025

Zenith G.F.J. ฉลองครบรอบ 160 ปี

ย้อนกลับไปในยุคทองของการแข่งขัน Observatory Chronometry อันโด่งดัง ซึ่ง Zenith G.F.J. รุ่นใหม่ได้ฟื้นฟูกลไก Calibre 135 แบบแมนนวลที่เคยใช้งานระหว่างปี 1949-1962 ขึ้นมาใหม่ โดยได้รับการตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Georges Favre-Jacot

G.F.J. รุ่นใหม่นี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความทุ่มเทที่ Zenith มอบให้กับการสร้างสรรค์นาฬิกาที่มีความแม่นยำและเชื่อถือได้ที่สุดตลอดประวัติศาสตร์ของแบรนด์

Zenith โดดเด่นที่ Watches and Wonders 2025
Zenith โดดเด่นที่ Watches and Wonders 2025

กลไกนี้เคยถูกฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้งในปี 2022 เมื่อ Zenith ร่วมมือกับ Kari Voutilainen และ Phillips in Association with Bacs & Russo โดยได้เลือกกลไก 135 รุ่นเก่าจำนวน 10 เรือนมาทำการฟื้นฟูและปรับแต่งใหม่ให้มีมาตรฐานที่ทันสมัยอย่างยอดเยี่ยม การก้าวไปข้างหน้าครั้งแรกในปี 2022 ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การเกิดใหม่ของ Calibre 135 ในวันนี้ ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติและเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดซึ่ง Zenith มีอยู่ในปัจจุบัน

กลไกนี้ใช้ Breguet overcoil และทำงานที่ความถี่ 2.5 Hz โดยได้รับการปรับตั้งให้มีความแม่นยำที่ยอดเยี่ยมที่ +/- 2 วินาทีต่อวัน พลังงานสำรองได้ถูกเพิ่มขึ้นจาก 40 ชั่วโมง (ในกลไกเดิม) เป็น 72 ชั่วโมง แต่ที่น่าทึ่งยิ่งกว่าฟังก์ชันของกลไกคือการตกแต่งที่ยอดเยี่ยม

ซึ่งสามารถชมได้อย่างชัดเจนผ่านฝาหลังแซพไฟร์ ส่วนที่ถูกจรรโลงไว้อย่างพิถีพิถันด้วยการแกะลวดลาย guilloche ในรูปแบบ “blue bricks” ที่ตัดขวางด้วยการตกแต่ง anglage ที่สวยงาม นอกจากล้อบาลานซ์และ 5 ทับทิมแล้ว กลไกนี้ยังคงความเป็น monochrome ที่โดดเด่นและสะดุดตา

Zenith โดดเด่นที่ Watches and Wonders 2025
บนหน้าปัด: วงแหวนภายนอกประดับลวดลาย “brick” guilloché, กลางหน้าปัดทำจาก Lapis Lazuli สีฟ้าลึก และ มุก บนหน้าปัดย่อยวินาทีขนาดใหญ่
Zenith โดดเด่นที่ Watches and Wonders 2025
บันทึกที่ระลึกถึงสถิติอันน่าทึ่งของ Zenith ที่ได้รับรางวัล อันดับหนึ่ง ติดต่อกันห้าปีในหมวดนาฬิกาข้อมือที่ Observatory Neuchâtel ตั้งแต่ปี 1950 ถึง 1954

หน้าปัดเป็นผลงานการผสมผสานของวัสดุและเทคนิคการตกแต่งที่ยอดเยี่ยม แบ่งออกเป็น 3 ส่วนที่มีเนื้อสัมผัสแตกต่างกัน หน้าปัดของ G.F.J. นั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อน ส่วนวงแหวนภายนอกประดับลวดลาย “blue bricks” guilloché ที่ประณีตสวยงาม

ตกแต่งด้วยหลักชั่วโมงจาก 18 ct white gold และเม็ดทองคำขาว 40 เม็ดที่ติดด้วยมือ หลักชั่วโมงจากทองคำขาวได้รับการตกแต่งและเจียระไนอย่างงดงาม สร้างเงาสะท้อนที่สมบูรณ์แบบท่ามกลางลวดลาย guilloche ที่มีพื้นผิวละเอียด

เมื่อเข้าไปใกล้ขึ้น หน้าปัดส่วนกลางประกอบด้วยหิน lapis lazuli ชิ้นเดียวที่มีความเข้มข้นและสีสันอันล้ำค่า ซึ่งจะทำให้แต่ละชิ้นมีลักษณะเฉพาะตัว พร้อมเนื้อสัมผัส ความแตกต่างของสี และลายเส้นทองคำ pyrite ที่งดงาม ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา

หน้าปัดย่อยสำหรับวินาทีทำจากมุกสีฟ้าอ่อน ตัดกับหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มที่หรูหราและล้ำลึก ราวกับว่าแค่กลไกและการผสมผสานของหน้าปัดยังไม่เพียงพอในการดึงดูดสายตา ทั้งหมดถูกใส่ในกรอบ 950 Platinum และจับคู่กับสายหนังจระเข้สีน้ำเงินเข้มอันประณีต (แม้ว่าจะมีสายข้อมือ platinum เต็มรูปแบบให้เลือก หากใครสนใจ)

ข้อมูลทางเทคนิค
Zenith G.F.J

หมายเลขอ้างอิง: Ref. 40.1865.0135/51.C200
กลไก: ระบบไขลานด้วยมือ Calibre 135 สำรองพลังงาน 72 ชั่วโมง
ฟังก์ชัน: ชั่วโมงและนาที วินาทีขนาดเล็ก
ตัวเรือน: ขนาด 39.15mm × 10.5mm / Platinum กันน้ำ 50 เมตร
หน้าปัด: Lapis lazuli มุก (หน้าปัดย่อยวินาที) ลวดลาย Blue bricks guilloché ที่วงแหวนภายนอก
สาย: สายหนังจระเข้สีน้ำเงินเข้มพร้อมหัวเข็มขัด / platinum สายหนังลูกวัวสีดำและสายหนังลูกวัว “Saffiano” สีน้ำเงินสามารถเลือกซื้อเพิ่มเติมได้ / platinum สายข้อมือที่มีหัวเข็มขัดพับคู่สามารถเลือกซื้อแยกได้
การวางจำหน่าย: รุ่นจำนวนจำกัด 160 เรือน

ติดตามข่าวสารและความเคลื่อนไหวในโลกเรือนเวลาสุดล้ำได้ที่ Revolution Thailand แหล่งรวมแรงบันดาลใจสำหรับนักสะสมนาฬิกาตัวจริง

ภาพ / ที่มา: Zenith

Share post:

More like this

ความเรียบง่าย  ฟังก์ชัน และงานฝีมืออันเป็นเลิศ Laurent Ferrier Classic Auto Horizon

เจาะลึกรายละเอียดน่าสนใจใน Laurent Ferrier Classic Auto Horizon นับตั้งแต่ Laurent Ferrier ได้ก่อตั้งแบรนด์นาฬิกาอิสระโดยใช้ชื่อของตัวเองที่นครเจนีวา...

H. Moser & Cie. อัพเดตคอลเลกชัน Streamliner ด้วยนาฬิกาโครโนกราฟ 2 เวอร์ชัน

H. Moser & Cie. Streamliner Flyback Chronograph Automatic Frozen ความมินิมัลนั้นกลายเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกา...

การกลับมาของ Frederique Constant Classic QP พร้อมดีไซน์ที่เปี่ยมไปด้วยความประณีต

Frederique Constant เปิดตัว Classic Perpetual Calendar รุ่นใหม่ที่ Watches and Wonders 2025 พร้อมการปรับดีไซน์ที่ละเอียดอ่อนและกลไก FC-776 automatic movement ที่ให้ความเสถียรและน่าเชื่อถือมากขึ้น ตอบโจทย์การใช้งานจริงด้วยพลังงานสำรอง 72 ชั่วโมง

Alpina เปิดตัวสุดยอดนาฬิกาที่จะสะกดทุกสายตาในงาน Watches and Wonders 2025 

Alpina เปิดตัวสองรุ่นใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจในงาน Watches and Wonders 2025 ซึ่งรวมถึง Alpiner Extreme Automatic Ice Blue และ Alpina Heritage Tropic-Proof Handwinding ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการออกแบบคลาสสิกในปี 1965 พร้อมกับการพัฒนาและฟีเจอร์ที่ทันสมัย