เรื่องราวบทใหม่จากนาฬิกา TITONI SEASCOPER พร้อมการตีความใหม่ของฟังก์ชันและดีไซน์

Date:

TITONI Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph เมื่อมรดกผสานนวัตกรรมสู่เรือนเวลาแห่งการใช้งาน

ในบริบทของอุตสาหกรรมนาฬิกาที่มีการแข่งขันสูง การนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างความน่าสนใจและแตกต่างได้นั้นเป็นเรื่องท้าทาย TITONI แบรนด์นาฬิกาสัญชาติสวิส ได้เปิดตัว Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph ซึ่งเป็นความพยายามในการนำแรงบันดาลใจจาก Seascoper รุ่นดั้งเดิมในปี 1963 มาผสมผสานกับแนวคิดการออกแบบและวิศวกรรมสมัยใหม่

TITONI SEASCOPER: Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph

การเปิดตัวนาฬิการุ่นนี้ ณ เมือง Grenchen ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สะท้อนให้เห็นถึงการตอบสนองต่อความต้องการของตลาด ตามที่ Olivier Schlup, Co-CEO และทายาทของผู้ก่อตั้ง TITONI ได้กล่าวถึง “ความปรารถนา” ที่มีต่อ Seascoper Chronograph จากกลุ่มผู้ใช้งาน การใช้เวลากว่าสามปีในการพัฒนากลไกโครโนกราฟนี้ บ่งบอกถึงความพยายามในการปรับปรุงและพัฒนาเพื่อให้สามารถตอบสนองทั้งในด้านเทคนิคสำหรับการใช้งานทางกีฬาและการดำน้ำ รวมถึงการคงเอกลักษณ์ด้านดีไซน์ของ Seascoper ไว้

TITONI SEASCOPER: Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph

ในแง่ของโครงสร้าง ตัวเรือนผลิตจากสเตนเลสสตีล มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 41 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นขนาดที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐานในปัจจุบัน และคุณสมบัติกันน้ำที่ระดับ 300 เมตร (30 ATM) บ่งชี้ถึงการวางตำแหน่งให้เป็นนาฬิกาดำน้ำที่มีความทนทาน นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงความสามารถในการทนทานต่อแรงกระแทกและฝุ่นละออง ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่คาดหวังได้จากนาฬิกาประเภทนี้

หัวใจขับเคลื่อนของ Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph คือกลไกอัตโนมัติ Sellita SW510 BH a ซึ่งเป็นกลไกที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมนาฬิกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ (COSC-certified) แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการนำเสนอความแม่นยำในการบอกเวลา กระบวนการประกอบและทดสอบภายในเวิร์คช้อปของ TITONI ที่ Grenchen ก็เป็นส่วนหนึ่งของการควบคุมคุณภาพที่แบรนด์สามารถทำได้

TITONI SEASCOPER: Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph

ในด้านการออกแบบฟังก์ชันการใช้งาน เม็ดมะยมแบบขันเกลียวพร้อมระบบซีลสองชั้น เป็นมาตรฐานสำหรับนาฬิกาดำน้ำที่ต้องการการป้องกันน้ำในระดับสูง ขอบตัวเรือนเซรามิกแบบหมุนได้ทิศทางเดียว ซึ่งระบุว่าทนทานต่อรอยขีดข่วน และมีกรอบสเตนเลสสตีลเซาะร่อง ที่ออกแบบมาเพื่อการจับที่กระชับมือ ก็เป็นคุณสมบัติที่เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน กระจกหน้าปัดแซฟไฟร์เรียบที่เคลือบสารกันสะท้อนทั้งสองด้าน ช่วยลดแสงสะท้อนและเพิ่มความชัดเจนในการมองเห็น

TITONI SEASCOPER: Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph

Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph นำเสนอทางเลือกที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน โดยความแตกต่างหลักจะอยู่ที่การเลือกใช้วัสดุสำหรับตัวเรือนและสาย รวมถึงสีสันของหน้าปัด

TITONI SEASCOPER: Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph

เริ่มต้นที่รุ่น 94300 S-BK-731 เรือนเวลานี้มาพร้อมตัวเรือนและสายที่ผลิตจากสเตนเลสสตีลทั้งหมด ซึ่งเป็นวัสดุมาตรฐานที่ให้ความทนทานและเข้ากับหลากหลายสไตล์ หน้าปัดของรุ่นนี้เป็นสีดำเคลือบแลคเกอร์ เสริมด้วยอินเด็กซ์ที่บรรจุสาร Super-LumiNova เกรด A เพื่อการเรืองแสงในที่มืด และหน้าปัดย่อยแบบยุบตัวลงไป ขอบตัวเรือนเป็นเซรามิกสีดำแบบหมุนได้ ซึ่งมีคุณสมบัติทนทานต่อรอยขีดข่วน 

ข้อมูลทาางเทคนิค รุ่น 94300 S-BK-731

สาย: สายนาฬิกาสเตนเลสสตีลพร้อมบานพับเดี่ยวแบบพับปิดและปุ่มกด รวมถึงระบบปรับละเอียด
ตัวเรือน: สเตนเลสสตีลทรงกลม ขนาด Ø41มม. พร้อมขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำแบบหมุนได้ กระจกแซฟไฟร์เรียบกันรอยขีดข่วนเคลือบสารกันสะท้อนทั้งสองด้าน กันน้ำได้ลึก 300 เมตร (30 ATM)
หน้าปัด: สีดำเคลือบแลคเกอร์พร้อมอินเด็กซ์บรรจุสาร Super-LumiNova เกรด A และหน้าปัดย่อยสีเงินแบบยุบตัว
กลไก: อัตโนมัติ Sellita SW510 BH a ได้รับการรับรอง Chronometer อย่างเป็นทางการ
ฟังก์ชัน: Bi-compax Chronograph เข็มวินาทีกลาง ตัวจับเวลา 30 นาทีที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา แสดงวันที่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา

สำหรับรุ่น 94300 S-BK-732 ยังคงใช้ตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีลเช่นเดียวกับรุ่นแรก แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปคือหน้าปัดของรุ่นนี้เป็นสีน้ำเงินเคลือบแลคเกอร์ ซึ่งอาจให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปจากสีดำ หน้าปัดยังคงมีอินเด็กซ์ที่บรรจุสาร Super-LumiNova เกรด A และหน้าปัดย่อยสีเงิน ขอบตัวเรือนยังคงเป็นเซรามิกสีดำแบบหมุนได้ เพื่อคงคุณสมบัติความทนทานและประสิทธิภาพในการจับเวลาดำน้ำ 

ข้อมูลทางเทคนิค รุ่น 94300 S-BK-732

สาย: สายนาฬิกาสเตนเลสสตีลพร้อมบานพับเดี่ยวแบบพับปิดและปุ่มกด รวมถึงระบบปรับละเอียด
ตัวเรือน: สเตนเลสสตีลทรงกลม ขนาด Ø41มม. พร้อมขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำแบบหมุนได้ กระจกแซฟไฟร์เรียบกันรอยขีดข่วนเคลือบสารกันสะท้อนทั้งสองด้าน กันน้ำได้ลึก 300 เมตร (30 ATM)
หน้าปัด: สีน้ำเงินเคลือบแลคเกอร์พร้อมอินเด็กซ์บรรจุสาร Super-LumiNova เกรด A และหน้าปัดย่อยสีเงินแบบยุบตัว
กลไก: อัตโนมัติ Sellita SW510 BH a ได้รับการรับรอง Chronometer อย่างเป็นทางการ
ฟังก์ชัน: Bi-compax Chronograph เข็มวินาทีกลาง ตัวจับเวลา 30 นาทีที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา แสดงวันที่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา

TITONI SEASCOPER: Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph
TITONI SEASCOPER: Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph

ถัดมาคือรุ่น 94300 S-BK-733 ซึ่งเลือกใช้โครงสร้างตัวเรือนและสายสเตนเลสสตีลมาตรฐาน แต่โดดเด่นด้วยหน้าปัดสีเขียวเคลือบแลคเกอร์ ซึ่งเป็นสีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันและเพิ่มความสดใหม่ให้กับคอลเลกชัน อินเด็กซ์ที่บรรจุสาร Super-LumiNova เกรด A และหน้าปัดย่อยสีเงินยังคงเป็นคุณสมบัติหลัก ขอบตัวเรือนยังคงเป็นเซรามิกสีดำแบบหมุนได้ เพื่อให้ประสิทธิภาพในการใช้งานไม่แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ที่ใช้ตัวเรือนสเตนเลสสตีล 

ข้อมูลทางเทคนิค รุ่น 94300 S-BK-733

สาย: สายนาฬิกาสเตนเลสสตีลพร้อมบานพับเดี่ยวแบบพับปิดและปุ่มกด รวมถึงระบบปรับละเอียด
ตัวเรือน: สเตนเลสสตีลทรงกลม ขนาด Ø41มม. พร้อมขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำแบบหมุนได้ กระจกแซฟไฟร์เรียบกันรอยขีดข่วนเคลือบสารกันสะท้อนทั้งสองด้าน กันน้ำได้ลึก 300 เมตร (30 ATM)
หน้าปัด: สีเขียวเคลือบแลคเกอร์พร้อมอินเด็กซ์บรรจุสาร Super-LumiNova เกรด A และหน้าปัดย่อยสีเงินแบบยุบตัว
กลไก: อัตโนมัติ Sellita SW510 BH a ได้รับการรับรอง Chronometer อย่างเป็นทางการ
ฟังก์ชัน: Bi-compax Chronograph เข็มวินาทีกลาง ตัวจับเวลา 30 นาทีที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา แสดงวันที่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา

สุดท้ายคือรุ่น 94300 SY-BK-731 ที่นำเสนอความแตกต่างด้านวัสดุตัวเรือนและสาย ตัวเรือนเป็นแบบสองสี โดยผสมผสานสเตนเลสสตีลเข้ากับการเคลือบ PVD สีเหลืองทอง ซึ่งให้รูปลักษณ์ที่โดดเด่นและหรูหรามากขึ้น สายนาฬิกาก็เป็นแบบสองสีเช่นกัน หน้าปัดของรุ่นนี้เป็นสีดำเคลือบแลคเกอร์ และขอบตัวเรือนเป็นเซรามิกสีดำที่มีส่วนผสมของสีทอง ทำให้ดูเข้าชุดกับตัวเรือนสองสีได้อย่างลงตัว ราคาแนะนำสำหรับรุ่นนี้จะสูงกว่ารุ่นสเตนเลสสตีลทั่วไปเล็กน้อย ซึ่งสะท้อนถึงการใช้วัสดุและการตกแต่งที่เพิ่มเติมเข้ามา

ข้อมูลทางเทคนิค รุ่น 94300 SY-BK-731

สาย: สายนาฬิกาสเตนเลสสตีลสองสีพร้อมบานพับเดี่ยวแบบพับปิดและปุ่มกด รวมถึงระบบปรับละเอียด
ตัวเรือน: สเตนเลสสตีลสองสีทรงกลม (สเตนเลสสตีล/PVD สีเหลืองทอง) ขนาด Ø41มม. พร้อมขอบตัวเรือนเซรามิกสีดำแบบหมุนได้ กระจกแซฟไฟร์เรียบกันรอยขีดข่วนเคลือบสารกันสะท้อนทั้งสองด้าน กันน้ำได้ลึก 300 เมตร (30 ATM)
หน้าปัด: สีดำเคลือบแลคเกอร์พร้อมอินเด็กซ์บรรจุสาร Super-LumiNova เกรด A และหน้าปัดย่อยสีเงินแบบยุบตัว
กลไก: อัตโนมัติ Sellita SW510 BH a ได้รับการรับรอง Chronometer อย่างเป็นทางการ
ฟังก์ชัน: Bi-compax Chronograph เข็มวินาทีกลาง ตัวจับเวลา 30 นาทีที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา แสดงวันที่ที่ตำแหน่ง 6 นาฬิกา

TITONI SEASCOPER: Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph

นาฬิการุ่น Seascoper 300 Bi-Compax Chronograph จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในตลาดนาฬิกาประเภท Chronograph ที่เน้นการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย

อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม
BVLGARI: Beyond Time พาชมบรรยากาศนิทรรศการแห่งกาลเวลาที่สิงคโปร์
เผยโฉมนาฬิกาดำน้ำ OMEGA Seamaster Diver 300M ในเฉดสีส้ม สุนทรียะแห่งการผจญภัย

Share post:

More like this

Hublot MP-17 Meca-10 Arsham Splash การผสานงานศิลป์โบราณคดีเชิงจินตนาการกับพลังงาน 10 วันของจักรกลที่ถูกย่อส่วน

Hublot MP-17 Meca-10 Arsham Splash Titanium Sapphire คือผลงานนาฬิกาข้อมือชิ้นแรกของ Daniel Arsham สำหรับ Hublot โดดเด่นด้วยตัวเรือนไทเทเนียม 42 มม. และช่องเปิดรูปทรงน้ำกระเซ็นที่เผยกลไกไขลาน HUB1205 (MECA-10) 10 วัน ผลิตจำนวนจำกัด 99 เรือน

Hautlence เปิดตัว “Sphere Series 3” เมื่อเวลาคือประติมากรรมจลน์ที่ถูกบีบอัดให้เข้มข้น

HAUTLENCE Sphere Series 3 ใหม่ มาพร้อมตัวเรือนไทเทเนียมขนาดกะทัดรัด (37.0×45.0 มม.) แต่ยังคงเสน่ห์ของกลไกชั่วโมงทรงกลมสามแกน (Spherical Hours) และนาทีดีดกลับ (Retrograde Minute) กลไกไขลาน Calibre A82 ปรับปรุงใหม่ พร้อมกำลังสำรอง 72 ชั่วโมง ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 28 เรือน

Urban Jürgensen การกลับมาของช่างนาฬิกาแห่งราชัน กับปรัชญา “Time Kept and Spent Beautifully”

Urban Jürgensen ตำนานนาฬิกา 250 ปี กลับมาอีกครั้งด้วยโมเดล UJ-2 ภายใต้การนำของ Kari Voutilainen และ Alex Rosenfield โดยเน้นปรัชญา "Time kept and spent beautifully" นาฬิกาแต่ละเรือนต้องใช้ 565 ชั่วโมงของงานฝีมือ และได้รับการนำเสนอสู่สายตาโลกผ่าน Timothée Chalamet

H. Moser & Cie. Streamliner Tourbillon Pierre Gasly ความแม่นยำและจิตวิญญาณนักแข่งที่ถูกถ่ายทอดผ่านเรือนเวลา

H. Moser & Cie. และ Pierre Gasly นำเสนอ Streamliner Tourbillon สองรุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน ที่ถ่ายทอดบุคลิกนักแข่งผ่านกลไก Flying Tourbillon และหน้าปัด Chocolate Fumé ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง