‘The Aesthetics of Speed and Altitude’: ดีไซน์ที่สะท้อนตัวตน และจับใจนักสะสมของ IWC Schaffhausen บนเวทีเสวนาโดย Revolution

Date:

เปิดมุมมองของผู้ออกแบบและนักสะสมตัวจริงผ่านความประทับใจในดีไซน์อมตะที่ท้าทายความเร็ว

ปิดท้ายเวทีเสวนาของ Revolution ด้วยหัวข้อ ‘The Aesthetics of Speed and Altitude’ แบรนด์นาฬิกาสวิสเมดสัญชาติอเมริกันอย่าง IWC Schaffhausen ที่มีความผูกพันกับวงการมอเตอร์สปอร์ตและวงการอากาศยาน ผ่านการเจาะลึกด้านดีไซน์ที่ขึ้นแท่นไอคอนิก โดยมี Christian Knoop ผู้ดำรงตำแหน่ง Chief Design Officer แห่ง IWC Schaffhausen มาร่วมเสวนากับ คุณพีรพล ภู่สิริ นักสะสมและผู้ก่อตั้ง Thailand Watch Collector กลุ่มคนรักนาฬิกาในประเทศไทย มาร่วมแบ่งปันความหลงใหลและความประทับใจในดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ และฟังก์ชันที่บ่งบอกถึงตัวตนของนาฬิกาที่เป็นดั่ง ‘วิศกรแห่งวงการนาฬิกาชั้นสูง’ โดยมี Wei Koh ผู้ก่อตั้งสื่อนาฬิกาแถวหน้า Revolution มาเป็น moderator หลักอีกเช่นเคย

ความเป็นมาของแบรนด์ ‘‘วิศกรแห่งวงการนาฬิกาชั้นสูง’

หัวเรือด้านการออกแบบอย่างคุณคริสเตียนเปิดเวทีเสวนาด้วยการเล่าที่มาและตัวตนของแบรนด์ IWC Schaffhausen แบรนด์นาฬิกาสวิสที่ก่อตั้งโดยชาวอเมริกันในศตวรรษที่ 19 ด้วยวิสัยทัศน์อันกล้าหาญ ที่ต้องการผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับงานฝีมือสุดประณีต

“สิ่งนี้นำทางเราไปสู่นาฬิกา tool watch สำหรับมืออาชีพในศตวรรษที่ 20 และยังคงเป็นหัวใจของเราจนถึงปัจจุบัน เราอยากเป็นที่รู้จักในฐานะ ‘วิศวกรแห่งนาฬิกาชั้นสูง’” คุณคริสเตียนกล่าวย้ำถึงจุดยืนของแบรนด์ ก่อนจะส่งต่อให้คุณเหว่ยเจาะลึกในยุคสมัยต่างๆ ของ IWC แต่ก่อนจะไปถึงประเด็นนั้นคุณเหว่ย moderator นักเล่าเรื่องของเราขอแวะไปที่ประเด็นเจเนอเรชัน Z ที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงบ่อยครั้งบนเวทีเสวนาที่จัดขึ้นโดย Revolution ในครั้งนี้

“ปี 2014 มีนาฬิกาเรือนหนึ่งเปิดตัว และเขย่าวงการนาฬิกาทั้งโลก คุณรู้ไหมว่าคือนาฬิการุ่นไหน? Apple Watch ไงครับ ตอนนั้นถ้าใครไปงานแสดงนาฬิกาที่เจนีวา จะเห็นเลยว่ามีความหวาดกลัวแพร่ไปทั่ว ทุกคนตั้งคำถามว่า ‘นี่จะเป็นจุดจบของนาฬิกากลไกหรือเปล่า?’ แล้วตัดภาพมาที่ 11 ปีให้หลังเป็นยังไงล่ะครับ สิ่งที่น่าสนใจก็คือ คนรุ่นหลังกลับยิ่งโอบรับนาฬิกาจักรกลมากกว่าเดิม ผมคิดว่าเป็นเพราะพวกเขาถูกล้อมรอบด้วยเวลาแบบดิจิตัลตลอดเวลา เลยยิ่งโหยหาสิ่งที่จับต้องได้ ถาวร และมีชีวิตอย่างนาฬิกาจักรกล เหตุผลที่ผมพูดเรื่องนี้ เพราะมันเกี่ยวพันกับ IWC และสิ่งที่คริสเตียนทำได้อย่างยอดเยี่ยม”

            ผู้ชมรวมถึงพิธีกรบนเวทีตัวแทนเจเนอเรชัน Z ต่างเห็นด้วยกับความเห็นของเจเนอเรชันรุ่นพี่ที่ผ่านโลกนาฬิกาจักรกลมาอย่างโชกโชน คุณเหว่ยยังไล่เรียงยุคสมัยของ IWC โดยแบ่งลำดับตามนี้

  • – เริ่มจากยุคนาฬิกาความแม่นยำ ที่ชีวิตของคนเราขึ้นอยู่กับมัน เช่น ปี 1936 ครอบครัว Hamburger ซึ่งสืบเชื้อสายจากตระกูล Rauschenberg (ผู้ซื้อกิจการ-จาก Florentine Ariosto Jones ผู้ก่อตั้ง IWC) ลูกชายทั้งสองเป็นนักบิน และนาฬิกานักบินเรือนแรกของ IWC ถูกสร้างขึ้นเพื่อพวกเขา
  • – ต่อมาในช่วงปี 1940s มีนาฬิกาสำหรับผู้สังเกตการณ์ (B-Uhr Observer’s Watch)
  • – ในปี 1948 ก็เกิดนาฬิกา Mark 11 สำหรับกองทัพอากาศอังกฤษ (RAF) ซึ่งนักบินจะได้รับนาฬิกานี้เมื่อขึ้นบิน

“แต่มาถึงยุคหลัง เมื่อเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เข้ามาแทนที่ ทุกคนถามว่า ‘นาฬิกานักบินยังจำเป็นอยู่ไหม?’ คำตอบก็ปรากฏในปี 1992 เมื่อ IWC เปิดตัว Pilot’s Double Chronograph ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ซับซ้อนเกินจำเป็น แต่กลับน่าตื่นเต้นในเชิงเร้าอารมณ์ และตั้งแต่นั้นมานาฬิกานักบินก็กลายเป็นสิ่งที่มากกว่าฟังก์ชัน มันคืออัตลักษณ์และอารมณ์”

เส้นทางสู่การเป็นนักออกแบบนาฬิกาแห่งความเร็ว

Christian Knoop ผู้ดำรงตำแหน่ง Chief Design Officer แห่ง IWC Schaffhausen

ก่อนหน้าจะเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็นนักออกแบบนาฬิกาคุณคริสเตียนผ่านประสบการณ์การออกแบบมาแล้วทุกอย่างยกเว้นนาฬิกาและรถยนต์ แต่สิ่งที่ดึงดูดเขาให้ก้าวเข้ามากำหนดทิศทางการออกแบบให้กับแบรนด์ IWC คือนาฬิการุ่น Big Pilot’s Watch

      “ผมเห็นเรือนนี้ครั้งแรกตอนที่เริ่มทำงานกับแบรนด์ มันสะท้อนทุกสิ่งที่ผมชอบในงานออกแบบทั้งความเรียบง่าย ความกล้า ความชัดเจนของดีไซน์ เป็นการออกแบบที่ตรงไปตรงมา ไม่มีสิ่งฟุ่มเฟือยเลย ตั้งแต่นั้นมานาฬิการุ่น Big Pilot ก็กลายเป็นเหมือน mantra ของผม และยังเป็นแนวทางนำทางในการออกแบบทั้งหมดที่เราทำมาจนถึงวันนี้”

              สิ่งที่ทำให้นาฬิกาประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่ดีไซน์ที่สวย แต่ยังต้องมีคาแรกเตอร์ที่เด่นชัดจนสามารถแยกออกได้อย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันก็ยังต้องเคารพในดีเอ็นเอที่เกิดจากประวัติศาสตร์ที่หล่อหลอมตัวตนของแบรนด์ขึ้นมาด้วยเช่นกัน และนั่นคือสิ่งที่ท้าทายสำหรับดีไซน์เนอร์

            “เราไม่สามารถแค่อ้างถึงอดีตแล้วก็ทำซ้ำสิ่งเดิมได้ ทุกคอลเลกชันใหม่จึงต้องขีดเส้นบางๆ แบ่งระหว่างอดีตกับอนาคต เคารพดีเอ็นเอของแบรนด์ แต่ก็ต้องสร้างความประหลาดใจและสิ่งใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า นาฬิกาแต่ละรุ่นของ IWC ต้องตอบโจทย์ทั้งสองด้านในเวลาเดียวกัน และนั่นคือแรงผลักดันของเราทุกวัน การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แต่ยังคงซื่อสัตย์ต่อแก่นแท้ของแบรนด์”

อัตลักษณ์ด้านดีไซน์ที่ดึงดูดใจนักสะสม

ในด้านมุมมองของนักสะสมคุณพีรพลเห็นด้วยกับการเคารพในดีเอ็นเอของแบรนด์ ความสบายขณะสวมใส่ และรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ผู้สวมใส่เท่านั้นสามารถสัมผัสได้

“นักสะสมมักมองเห็น สมรรถนะด้านวิศวกรรมและการใช้งานจริงในดีเอ็นเอของ IWC ทุกอย่างที่เราพบในนาฬิกาแสดงถึงความชัดเจน เช่น ความสมดุลของหน้าปัด การขัดแต่งตัวเรือน ไม่ว่าจะเป็นตัวเรือนสตีลหรือตัวเรือนทอง ทั้งหมดออกแบบมาเพื่อเป็นนาฬิกาใส่ในชีวิตประจำวัน ถึงจะมีรอยขีดข่วนก็ยังดูแข็งแรง สำหรับผม สิ่งนี้คือสิ่งสำคัญที่สุด การออกแบบที่ดีคือการรวมความสบายในการสวมใส่เข้ากับรายละเอียดเล็กๆ ที่ทำให้เจ้าของนาฬิกาเท่านั้นที่รับรู้ เช่น การขัดแต่งด้านในตัวเรือน (Perlage) ที่อยู่หลังฝาหลัง นี่คือดีเอ็นเอของแบรนด์ ที่ทำให้นาฬิกา IWC สมบูรณ์แบบ และมันสัมผัสได้ถึงหัวใจของนักสะสมเลยครับ”

คุณเหว่ยเองก็เห็นด้วยกับความคิดเห็นของนักสะสม และยกให้นาฬิการุ่น ‘Ingenieur’ ที่ถูกออกแบบใหม่โดยคุณคริสเตียนว่า นี่คือเวอร์ชันที่ดีที่สุด ทั้งการปรับให้ร่วมสมัยยิ่งขึ้น แต่ยังคงเคารพในต้นฉบับ ผู้เติมจิตวิญญาณใหม่ให้กับ Ingenieur เล่ารายละเอียดเพิ่มเติมว่า

            “สิ่งที่ Gerald Genta ทำไว้ในปี 1976 คือการสร้างคาแรกเตอร์และลายเซ็นดีไซน์ที่แข็งแรงมาก และเราพยายามรักษาสิ่งนั้นไว้ ทั้งรูปทรงตัวเรือน ขอบตัวเรือน พื้นผิวหน้าปัด สายแบบพิเศษ มันคือเอกลักษณ์ที่อยู่เหนือกาลเวลา ตอนเราปรับโฉมใหม่ในปี 2023 ผมได้นำต้นแบบไปให้ Evelyne Genta ภรรยาของเขาดู ซึ่งเธอบอกว่าความคิดของสามีเธอคือ ‘อย่าทำซ้ำของเก่า แต่ต้องพัฒนาต่อไป’ และเธอยังอวยพรให้กับดีไซน์ใหม่ของเรา นี่คือกำลังใจสำคัญให้ทีมงานกล้าที่จะก้าวไปข้างหน้า”

คุณคริสเตียนยังอธิบายถึงแก่นแท้ของ IWC คือ การสร้าง tool watch ที่แม่นยำ สำหรับหลากหลายสถานการณ์ ซึ่งสะท้อนมาสู่ดีไซน์ที่เห็นได้ชัดในนาฬิกาหลากรุ่น ไม่ว่าจะเป็น Pilot’s, Portuguese หรือ Ingenieur ที่ล้วนแล้วแต่มีความเป็น ‘เครื่องมือที่แม่นยำ’ อยู่ในตัว

สู่โลกแห่งความเร็วและแสงสปอตไลต์

IWC ก้าวเข้าสู่โลกแห่งมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างไร คุณคริสเตียนอธิบายไว้ว่า มันเริ่มต้นจากการเป็น tool watch มืออาชีพนั่นเอง ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากยักษ์ใหญ่ในวงการยนตรกรรมเสมอมา  

            “ในปี 2003 เราเริ่มเป็นพันธมิตรกับ Mercedes-AMG ซึ่งถือว่าเป็นความร่วมมือที่ยาวนานที่สุดระหว่างแบรนด์นาฬิกากับแบรนด์รถยนต์ สิ่งนี้ไม่ใช่แค่การจับมือทางการตลาด แต่มีการแลกเปลี่ยนด้านวิศวกรรมกันจริง ๆ เราได้นำวัสดุจากโลกยานยนต์ เช่น ไทเทเนียมและคาร์บอน มาพัฒนาในนาฬิกาของเรา ต่อมาในปี 2013 เมื่อ Mercedes กลับเข้าสู่ Formula 1 เราก็กลายเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการของทีม Mercedes-AMG Petronas F1 ตั้งแต่นั้นมา เราได้ทำงานร่วมกับนักแข่งชื่อดังอย่าง Nico Rosberg, Lewis Hamilton และ George Russell เพื่อสร้างนาฬิการุ่นพิเศษมากมาย

“โลกมอเตอร์สปอร์ตจึงเป็น ‘คู่หูที่ลงตัว’ สำหรับ IWC เพราะมันสะท้อนทั้งด้านเทคโนโลยี ความเร็ว และนวัตกรรม ซึ่งเรานำมาแปลงเป็นดีไซน์ของนาฬิกา”

Christian Knoop

จากโลกแห่งความเร็ว IWC ก้าวเข้าสู่โลกภาพยนตร์และนั่นทำนาฬิกา tool watch แบรนด์นี้กลับมาอยู่ในแสงสปอตไลต์อันเจิดจ้า คุณเหว่ยจึงขอยกให้นี่เป็นการตลาดทางการกีฬาที่เหนือชั้น

“พวกคุณเคยดูหนัง F1: The Movie ไหมครับ? ภรรยาผมบังคับให้ดูถึงสามรอบเลย (หัวเราะ) สำหรับผม มันคือหนึ่งในการทำ sports marketing ที่ดีที่สุดของแบรนด์นาฬิกา เพราะตัวละคร Sonny Hayes ใส่ IWC ได้อย่างสมบูรณ์แบบ สิ่งที่เจ๋งที่สุดคือมันไม่ใช่การโฆษณาเฉยๆ แต่ IWC มีนวัตกรรมจริง อยู่เบื้องหลัง เช่น การใช้ เซรามิกในนาฬิกาหรู เป็นรายแรกๆ และการพัฒนากลไก Split-Second Chronograph ให้เข้าถึงได้จริงตั้งแต่ปี 1992 เพราะฉะนั้นเมื่อคนดูเห็นนาฬิกาในหนัง เขารู้สึกได้ว่ามันมีความหมาย มีรากฐาน ไม่ใช่ใส่มาเท่ๆ เฉยๆ”

ในแง่ของดีไซน์อะไรทำให้นาฬิกาสามารถมอบความรู้สึก ‘เร็ว’ และ ‘แรง’ ได้ นี่คือคำถามที่แทนใจหลายคนในกลุ่มผู้ชม และคุณคริสเตียนได้ให้คำตอบไว้ว่า

“มีหลายปัจจัยครับ แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือ วัสดุและรายละเอียดเฉพาะของนาฬิกามอเตอร์สปอร์ต เราเคยใช้ ไทเทเนียมอัลลอย, คาร์บอน, และแม้แต่ Titanium Aluminide (วัสดุที่ใช้ในเทอร์โบชาร์จเจอร์ของรถแข่ง AMG One)

อีกจุดสำคัญคือ Tachymeter Bezel หรือสเกลจับเวลาความเร็วบนขอบตัวเรือน นี่คือฟังก์ชันที่ทำให้นาฬิกาโครโนกราฟสำหรับมอเตอร์สปอร์ตแตกต่างจากโครโนกราฟแบบอื่นๆ ซึ่งเราเพิ่งนำมันกลับมาใส่ในคอลเลกชัน Performance Chronographs ของ IWC ด้วยครับ สิ่งเหล่านี้ช่วยให้นาฬิกาเชื่อมโยงกับโลกของมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ แต่มีฟังก์ชันและวัสดุที่รองรับจริง”

ความสง่างามท้าทายกาลเวลา

ไม่ว่าจะผ่านความหวือหวา ความท้าทายมาหลายยุคสมัย แต่สิ่งที่ทำให้ IWC ยังคงยืนหยัดอยู่อย่างสง่างามในใจนักสะสมคือดีไซน์เรียบง่ายที่ตอบโจทย์การใช้งานในสถานการณ์จริง ตามที่ผู้หลงใหลใน tool watch แบรนด์นี้อย่างจริงจังชี้ให้เห็นไว้ว่า

            “ทุกครั้งที่ผมมองนาฬิกานักบินของ IWC สิ่งที่ผมเห็นชัดที่สุดคือ สัญลักษณ์สามเหลี่ยมที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา มันไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่มีความหมายจริง ๆ สำหรับนักบิน ในสภาพแสงน้อย นักบินต้องรู้ทิศทางของ ‘12 นาฬิกา’ อย่างแม่นยำ สามเหลี่ยมนี้ทำหน้าที่นั้น นี่แหละครับคือสิ่งที่ทำให้ดีไซน์ของ IWC เหนือกาลเวลา รายละเอียดเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย”

พีระพล ภู่สิริ – นักสะสมนาฬิกา

          ปิดท้ายด้วยคำถามที่ผู้ร่วมเสวนาทุกคนต้องตอบในมุมของตัวเอง นั่นก็คือ “ถ้าคุณต้องเลือกหนึ่งองค์ประกอบด้านดีไซน์ที่ทำให้นาฬิกาสง่างามและเป็นอมตะ คุณจะเลือกอะไร?”

          คุณพีรพลให้คำตอบในมุมนักสะสมว่า“สำหรับผมคือ โลโก้ ครับ ผมชอบแบบตัวเขียนดั้งเดิมที่ใช้คำว่า International Watch Company มันเรียบง่าย แข็งแรง และแสดงตัวตนของแบรนด์ได้ชัดเจนมาก มันสะท้อนดีเอ็นเอของ IWC อย่างตรงไปตรงมา”

          ส่วนผู้ที่ทำงานด้านดีไซน์โดยตรงอย่างคุณคริสเตียนตัดสินใจอย่างยากลำบากก่อนจะให้คำตอบว่า “สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเราคือการยึดมั่นในแก่นแท้ของแบรนด์ เคารพในดีเอ็นเอ และพยายามผลักดันขอบเขตออกไปทุกครั้ง การจะบอกว่าองค์ประกอบใดองค์ประกอบหนึ่งคือคำตอบเดียวอาจไม่ถูก เพราะ ทุกองค์ประกอบต้องรวมกันเพื่อสร้างอัตลักษณ์ของ IWC”

         และคุณเหว่ยให้คำตอบที่แหวกแนวแต่จริงแท้นั่นก็คือ ‘ความจริงใจ’

         “แบรนด์ต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง ผมเคยถาม Ralph Lauren ในยุค ‘90s ว่า ทำไมถึงไม่ออกแบบเสื้อผ้าให้ตรงใจศิลปินฮิปฮอปที่ใส่แบรนด์ของเขา เขาตอบว่า ‘ก็เพราะพวกเขาซื้อเสื้อผ้าเราในฐานะที่มันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่มีอยู่แล้ว ถ้าเราเปลี่ยนเพื่อเอาใจพวกเขา เราก็จะสูญเสียตัวตนทันที’

ผมว่าบทเรียนนี้ใช้ได้กับนาฬิกาเหมือนกัน IWC ประสบความสำเร็จเพราะไม่เคยลืมตัวเอง แม้จะทำสิ่งใหม่ เช่น Pilot’s 41 TOP GUN Lake Tahoe ที่เป็นเซรามิกสีขาวทั้งเรือน แต่มันก็ยังคงความบริสุทธิ์ ความแม่นยำ และสามเหลี่ยมที่เป็นสัญลักษณ์ มันคือ IWC อย่างแท้จริง”

ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ทำให้นาฬิกาที่ตอบสนองความเร็ว ความแรง ท้าทายแรงกดอากาศในที่สูง คือ การเคารพในตัวตนของแบรนด์ โดยมุ่งพัฒนาความแม่นยำให้ตอบโจทย์การใช้งานในทุกสถานการณ์สุดขั้วนั่นเอง

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่:

เมื่อนาฬิกาจักรกลท้าทายแรงโน้มถ่วง การร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง IWC Schaffhausen และ VAST เพื่อพิสูจน์ความน่าเชื่อถือในอวกาศ

Bangkok Watch Week 2025: Symposium ยกระดับกรุงเทพฯ สู่ “ศูนย์กลางบทสนทนาเรื่องเวลา” ของเอเชีย

The Evolution of Product Development: เส้นทางอนาคตแบรนด์นาฬิกาอิสระ Bovet, Czapek & Cie และ SHH Pendulum โดย Revolution

Share post:

More like this

Recap Bangkok Watch Week 2025: Revolution Thailand สร้างประวัติศาสตร์บทใหม่ให้วงการนาฬิกาไทย

งานนี้สะท้อนให้เห็นถึง พลังและศักยภาพอันไร้ขีดจำกัด ของตลาดนาฬิกาไทยและทั่วโลก และตอกย้ำว่าประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็น Luxury Watch Destination อย่างแท้จริง

The Evolution of Product Development: เส้นทางอนาคตแบรนด์นาฬิกาอิสระ Bovet, Czapek & Cie และ SHH Pendulum โดย Revolution

เปิดมองมุมและประสบการณ์จากผู้นำด้านนาฬิกาอิสระ Bovet, Czapek & Cie และ SHH Pendulum ในงาน...

“Through the Lens: เลดี้บั๊กแห่งท้องทะเล” คว้ารางวัลชนะเลิศ Blancpain Ocean Photographer of the Year 2025

Yury Ivanov ช่างภาพมาโครชาวอินโดนีเซีย คว้าตำแหน่ง Ocean Photographer of the Year 2025 ด้วยภาพ "เลดี้บั๊กแห่งท้องทะเล" Blancpain มอบ Female Fifty Fathoms Award แก่ Jialing Cai

Recap 3: เปิดมุมมองแบรนด์อิสระ Bovet และ Czapek & Cie กับความท้าทายในโลกเรือนเวลา

สรุปเนื้อหาสุดเข้มข้นจาก Symposium 3 ใน Bangkok Watch Week 2025 เผยวิสัยทัศน์ของแบรนด์อิสระ Bovet และ Czapek & Cie ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และยืนหยัดในโลกนาฬิกาหรู