Micromilspec เปิดตัวนาฬิการุ่นแรกในหมวดนักบิน ชื่อ The Dualtimer 

Date:

นอกจากนี้ Milgraph ยังได้รับการอัปเดตด้วยรุ่นหน้าปัดสีขาว

WORDS: Revolution | Aug 25, 2025
แปลและเรียบเรียงโดย Chakhriya. S

บางแบรนด์ “ทำ” นาฬิกาที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสไตล์ทหาร แต่ Micromilspec คือแบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาสำหรับใช้ในภารกิจทางทหารจริง ๆ ก่อนที่จะเคยไปออกงานแสดงนาฬิกาที่ไหนเลย บริษัทที่ตั้งอยู่ในกรุงออสโลแห่งนี้ได้ผลิตเครื่องบอกเวลาที่สำคัญต่อภารกิจให้กับหน่วยปฏิบัติการจริง ซึ่งวัดความสำเร็จด้วยชั่วโมงบิน

ภารกิจแรกของแบรนด์เกิดขึ้นในปี 2019 เพียงไม่กี่วันหลังจากก่อตั้งบริษัท โดยได้รับคำสั่งผลิตนาฬิกา 330 เรือนให้กับฝูงบินที่ 330 ของกองทัพอากาศนอร์เวย์ หลังจากนั้นลูกค้าก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงกองกำลัง NATO และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระดับสูง ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะได้รับนาฬิกาที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อให้ทนทานต่อการใช้งานหนักที่นาฬิกาทั่วไปอาจจะต้องถูกส่งเข้าศูนย์ซ่อมทันที

โครงการแรกของ Micromilspec คือการสร้างนาฬิกาแบบพิเศษให้กับฝูงบินกู้ภัยและค้นหา (Search and Rescue Squadron) ของกองทัพอากาศนอร์เวย์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ฝูงบินที่ 330

ในงาน Geneva Watch Days เป็นปีที่สอง Micromilspec ตอกย้ำความแข็งแกร่งด้วยการเปิดตัวนาฬิกาสำหรับนักผจญภัย (tool watches) ถึงสองรุ่น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน

The Dualtimer นาฬิการุ่นแรกในหมวดนักบินของ Micromilspec

แม้ว่าแบรนด์จะผลิตนาฬิกาสำหรับการบินให้ฝูงบินเฉพาะมานานแล้ว เช่น รุ่น Hercules ให้กับกองทัพอากาศนอร์เวย์ และรุ่น Sentry สำหรับโครงการ AWACS ของ NATO แต่ Dualtimer ถือเป็นนาฬิกานักบินรุ่นแรกที่ถูกบรรจุในคอลเลกชันหลักอย่างเป็นทางการ

The Dualtimer สามารถดูเวลาได้สองไทม์โซนทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยการเรืองแสง Super-LumiNova สองสี: สีเขียวสำหรับเวลาท้องถิ่น และสีน้ำเงินสำหรับเวลาหลัก
ตัวเรือนสเตนเลสสตีลปัดด้านขนาด 42 มม. ของ Dualtimer มาพร้อมสายนาฬิกาให้เลือกถึงสี่แบบ: สายเหล็กเข้าชุดกับตัวเรือน และสายยางสามสี ได้แก่ สีดำ สีขาว และสีส้ม

นาฬิกา Dualtimer มาพร้อมตัวเรือนสเตนเลสสตีลปัดด้านขนาด 42 มม. โดยมีฟังก์ชัน GMT เป็นหัวใจหลัก ซึ่งขับเคลื่อนด้วยกลไก Sellita SW330-2 โดดเด่นด้วยการเรืองแสงในที่มืดด้วยสี Super-LumiNova X1 ที่แตกต่างกัน เพื่อให้มองเห็นโซนเวลาได้ชัดเจนในตอนกลางคืน ขอบหน้าปัดและเข็ม GMT จะเรืองแสงสีน้ำเงิน ในขณะที่หน้าปัด เข็มชั่วโมง และเข็มนาทีจะเรืองแสงสีเขียว

ขอบหน้าปัดแบบ 24 ชั่วโมง เม็ดมะยมแบบขันเกลียว และคุณสมบัติกันน้ำลึก 200 เมตร ล้วนตอกย้ำความทนทานพร้อมใช้งานในภารกิจจริง สามารถเลือกสายได้ 3 แบบ คือ สายเหล็ก สายหนัง หรือสายยาง ทำให้มีความยืดหยุ่นในการสวมใส่ได้ทั้งในห้องนักบินและในชีวิตประจำวัน

The Milgraph White Dial Edition

นาฬิกาในหมวด Field Tested ของแบรนด์เติบโตขึ้นด้วยรุ่นใหม่ล่าสุดของ Micromilspec ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง นั่นคือ Milgraph White Dial Edition ซึ่งผลิตจำนวนจำกัดเพียง 75 เรือน เช่นเดียวกับรุ่นหน้าปัดสีดำที่กลับมาวางจำหน่ายในปีนี้ โดยรุ่นใหม่นี้ได้เปลี่ยนจากความสุขุมให้กลายเป็นความชัดเจนแทน

หน้าปัดสีขาวนวลแบบด้าน ให้ความรู้สึกเป็นเม็ดทรายเล็กน้อย เข้าคู่กับหน้าปัดย่อยสำหรับแสดงชั่วโมง นาที และวินาที ในขณะที่ Super-LumiNova X1 ช่วยให้สามารถมองเห็นเวลาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าคุณจะอยู่ในห้องนักบิน กลางป่า หรือแค่ตอนค่ำคืน

Milgraph White Dial Edition ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 75 เรือนสำหรับคอลเลกชันประจำปีนี้

Milgraph รุ่นแรก

Micromilspec ได้เปิดตัวนาฬิการุ่น Milgraph ครั้งแรกที่งาน Geneva Watch Days ในปี 2024 ซึ่งเป็นนาฬิกาโครโนกราฟพร้อมฟังก์ชันบอกเวลาสองไทม์โซน ตัวเรือนไทเทเนียม ออกแบบมาเพื่อการใช้งานภาคสนามโดยเฉพาะ นาฬิการุ่นนี้ขายหมดอย่างรวดเร็ว ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากมาย และเป็นรากฐานสำหรับคอลเลกชันประจำปีรูปแบบใหม่ที่สร้างขึ้นโดยเน้นฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกัน

สำหรับรุ่น Milgraph White Dial Edition นี้ ยังคงใช้ตัวเรือนไทเทเนียมเกรด 5 ขนาด 42 มม. ที่มีคุณสมบัติทนทานเหมือนเดิม: ผิวเคลือบแบบพ่นทราย ขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียว กระจกแซฟไฟร์กันรอย กันน้ำลึก 200 เมตร และการจัดวางปุ่มแบบ destro (ปุ่มและเม็ดมะยมอยู่ด้านซ้าย) เพื่อความสบายในการสวมใส่ ภายในขับเคลื่อนด้วยกลไกอัตโนมัติ La Joux-Perret Caliber L121 ที่มีความถี่ 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง (vph) สำรองพลังงานได้ 60 ชั่วโมง พร้อมฟังก์ชัน GMT และระบบจับเวลาแบบ column-wheel ที่แข็งแกร่ง

แม้จะเพิ่งเริ่มวางจำหน่ายสู่สาธารณะได้เพียงสองปี แต่ Micromilspec ก็ได้สร้างสรรค์คอลเลกชันที่ชัดเจนและมีเป้าหมาย โดยมีรากฐานมาจากการใช้งานจริงในภารกิจทางทหาร

นาฬิการุ่น Milgraph White Dial Edition ตอกย้ำความเป็นผู้นำของแบรนด์ในกลุ่มนาฬิกาภาคพื้นดิน (Field Watch) ในขณะที่รุ่น Dualtimer ได้สร้างจุดยืนที่ถาวรในหมวดนาฬิกานักบิน (Pilot category) ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้แสดงให้เห็นว่าสำหรับ Micromilspec แล้ว หมวดหมู่ของนาฬิกาไม่ได้เป็นเพียงแค่กลยุทธ์ทางการตลาด แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติการได้จริง

ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค
Micromilspec Milgraph White Dial Edition
  • กลไก: ระบบไขลานอัตโนมัติ La Joux-Perret Calibre L121 สำรองพลังงาน 60 ชั่วโมง
  • ฟังก์ชัน: ชั่วโมงและนาที วินาทีเล็ก โครโนกราฟ GMT
  • ตัวเรือน: ขนาด 42 มม. × 15 มม. ไทเทเนียมเกรด 5 ผิวแบบพ่นทราย ขอบหน้าปัดหมุนได้ทิศทางเดียว เม็ดมะยมอยู่ด้านซ้าย กันน้ำลึก 200 เมตร
  • หน้าปัด: สีขาวแบบด้านและมีพื้นผิวคล้ายเม็ดทราย
  • สาย: สายไทเทเนียม สายยางสีขาว สายยางสีดำ สายยางสีส้ม
  • การผลิต: Limited Edition รุ่นหน้าปัดสีขาว 75 เรือน / รุ่นหน้าปัดสีดำ 75 เรือน

ข้อมูลจำเพาะทางเทคนิค
Micromilspec Dualtimer

  • กลไก: ระบบไขลานอัตโนมัติ Sellita SW330-2 สำรองพลังงาน 56 ชั่วโมง
  • ฟังก์ชัน: ชั่วโมงและนาที วินาที GMT วันที่
  • ตัวเรือน: ขนาด 42 มม. × 12.5 มม. สเตนเลสสตีลปัดด้าน เม็ดมะยมแบบขันเกลียว กันน้ำลึก 200 เมตร
  • หน้าปัด: สีดำพร้อม Super-LumiNova X1 สองสี (สีน้ำเงินสำหรับขอบหน้าปัดและเข็ม GMT สีเขียวสำหรับหน้าปัด เข็มชั่วโมง และเข็มนาที)
  • สาย: สายสเตนเลสสตีล สายยางสีขาว สายยางสีดำ สายยางสีส้ม
  • การผลิต: Limited Edition 75 เรือนต่อปี (สำหรับคอลเลกชันประจำปี 2025)

อ่านบทความน่าสนใจอื่นๆ เพิ่มเติม
Smartwatch ศัตรูหรือเพื่อนร่วมทางของเรือนเวลา
4 นาฬิกากอล์ฟที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพยนตร์ Happy Gilmore 2
Maurice Lacroix เปิดตัว AIKONIC นาฬิการุ่นใหม่ที่ต่อยอดความสำเร็จด้วยวัสดุและเทคโนโลยีสุดล้ำ

Share post:

More like this

นาฬิกา Grand Seiko ที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ

จากทะเลสาบซูวะถึงฟากฟ้ายามเที่ยงคืน Grand Seiko ถ่ายทอดความงดงามแห่งสายน้ำบนหน้าปัดทั้ง 4 รุ่น ที่สะท้อนแรงบันดาลใจจากธรรมชาติและความประณีตของญี่ปุ่น

Oris x Cervo Volante เมื่อนาฬิกาพาเรากลับสู่ธรรมชาติแห่งสวิส ชมความหรูหราที่มาพร้อมความรับผิดชอบ

Oris x Cervo Volante กลับมาอีกครั้งพร้อมนาฬิกาที่มีสายหนังกวางที่ได้จากกระบวนการควบคุมประชากรตามธรรมชาติในสวิตเซอร์แลนด์ หน้าปัดสีส้ม Burnt Maple พร้อมกลไก Pointer Date สะท้อนจิตวิญญาณแห่งเทือกเขาแอลป์

Santos de Cartier Titanium การบุกเบิกครั้งใหม่ด้วยไทเทเนียมและจิตวิญญาณนักสำรวจผู้ยิ่งใหญ่

Cartier เปิดตัว Santos de Cartier Titanium Large Model ตัวเรือนไทเทเนียม Grade 5 พ่นทรายด้าน เบากว่ารุ่นสตีล 43% ขับเคลื่อนด้วยกลไก 1847 MC พร้อมฟังก์ชัน QuickSwitch และ SmartLink เพื่อความสะดวกในการปรับเปลี่ยนสาย

ZENITH DEFY Skyline Tourbillon การตีความใหม่ของความหรูหราด้วยตัวเรือนโรสโกลด์และเฉดสีอิฐแห่งมรดก

ZENITH เปิดตัว DEFY Skyline Tourbillon ที่สร้างสรรค์จาก Rose Gold ทั้งเรือนเป็นครั้งแรก ตัวเรือน 41 มม. หน้าปัดสีแดงอิฐ กลไก El Primero 3630 ทูร์บิญอง 5 Hz พร้อมระบบเปลี่ยนสายด่วน