เมื่อ Louis Vuitton เล็งเห็นเสน่ห์ในเรือนเวลา Jump Hour และผสานเข้ากับตัวตนของเมซงได้อย่างลงตัว

กลายเป็นเรื่องน่าประหลาดใจที่นาฬิกา jump hour กลายเป็นที่จับตามองในปีนี้ แต่จะว่าไปก็คงไม่ผิดความคาดหมายสักเท่าไร เพราะหลังจากผู้คนเริ่มสะสมนาฬิกา Time-only แบบสามเข็ม ไล่ระดับไปยังนาฬิกาโครโนกราฟ ตามมาด้วยความคลั่งไคล้ในสุดยอดกลไกอย่างทูร์บิญอง การหันมามองรูปแบบการอ่านค่าเวลาอันแสนเรียบง่ายแต่ดูน่าค้นหาอย่างนาฬิกา jump hour จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล และ Louis Vuitton ก็เล็งเห็นเสน่ห์ในเรือนเวลาประเภทนี้จึงได้ถือกำเนิดคอลเลกชัน Tambour Convergence ขึ้นมาในปีล่าสุดนี้เช่นกัน
เสน่ห์แห่งความเรียบง่ายที่ทรงพลัง
แต่ไหนแต่ไรมาเรามักนึกถึงนาฬิกาที่ผ่านการออกแบบ ตกแต่ง และผลิตชิ้นส่วนกลไกต่างๆ อย่างพิถีพิถัน ในภาพเรือนเวลาดีไซน์ล้ำ รายละเอียดวิจิตร ภายในบรรจุไว้ซึ่งกลไกซับซ้อน แต่ Tambour Convergence กลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับที่เราคาดหวัง เพราะมาในรูปลักษณ์ที่ดูเรียบง่ายในสไตล์มินิมัล แต่ในขณะเดียวกันนั้น ภายใต้ความเรียบง่าย แฝงไปด้วยความทรงพลังที่ดึงดูดให้เราไม่อาจละสายตาได้ และที่สำคัญมันสร้างภาพจำแจ่มชัดว่านี่คือรูปลักษณ์ใหม่ของ เรือนเวลาจากเมซง Louis Vuitton


Tambour Convergence สร้างความรู้สึกอยากทำความรู้จักได้ตั้งแต่แรกเห็นตัวเรือนขนาด 37 มม. ที่รังสรรค์ขึ้นโดย La Fabrique des Boîtiers ที่มาในวัสดุพิงก์โกลด์และแพลตินัมฝังเพชรขนาด 1.71 กะรัตกว่า 795 เม็ด รูปทรงกลมเกลี้ยงน่าสัมผัส มีจุดดึงดูดความสนใจคือหน้าต่างทรงโค้งแสดงค่าชั่วโมงและนาทีที่ได้แรงบันดาลใจจากนาฬิกา montres à guichet ในอดีตกาล ดีไซน์ของตัวเรือนยังโอบรับดีไซน์ร่วมสมัยในแบบฉบับของคอลเลกชัน Tambour ที่ไม่เพียงออกแบบมาเพื่อความสวยงามเป็นหลัก แต่ยังคำนึงถึงรูปทรงที่รองรับข้อมือได้อย่างเหมาะเจาะ ด้วยขอบตัวเรือนที่ค่อยๆ โค้งลงจากด้านหน้าจรดฝาหลัง ทำให้แนบชิดกับข้อมือได้โดยไม่ระคายเคืองผิว ส่วน ขานาฬิกาที่เพิ่มเข้ามาทำให้ดูแตกต่างจากคอลเลกชัน Tambour รุ่นดั้งเดิม และยังช่วยให้ตัวเรือนแนบสนิทกับข้อมือได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
การขัดแต่งผิวในรูปแบบที่แตกต่างกันในแต่ละส่วนช่วยเพิ่มมิติและเติมคาแรกเตอร์ให้ Tambour Convergence ในทุกมุมมอง โดยเฉพาะในรุ่นวัสดุพิงก์โกลด์ 18K ที่ด้านบนตัวเรือนตลอดจนขานาฬิกาด้านนอกขัดเงาด้วยมือให้พื้นผิววาววับ แต่แฝงไว้ด้วยลูกเล่นในเชิง
ผิวสัมผัสบริเวณด้านในที่ขัดแซนด์บลาสต์สร้างพื้นผิวที่ดูขัดแย้ง ส่วนด้านข้างของตัวเรือนขัดผิวแบบซาตินให้ผิวสัมผัสที่ดูตัดกัน ทำให้ได้อวดวัสดุอย่างเต็มตา และยังทำให้ตัวเรือนดูบางกว่าความหนา 8 มม. ซึ่งเป็นความหนาตามขนาดจริง
หน้าต่างแสดงค่าเวลาและลีลาการเปลี่ยนตำแหน่งตัวเลขที่ไม่เหมือนใคร

ความใส่ใจในรายละเอียดของเมซงยังแสดงออกผ่านรูปทรงของหน้าต่างแสดงค่าเวลาทั้งสองช่อง ซึ่งสำหรับสาวกนาฬิกาหน้าต่างรูปทรงนี้อาจดูเหมือนรูปแบบที่พบเห็นได้ทั่วไปในนาฬิกาจำพวก jump hour แต่สำหรับเมซงที่ผูกพันกับการเดินทางและประวัติศาสตร์ยาวนานอย่าง Louis Vuitton แล้ว รูปทรงโค้งนี้มาพร้อมกับเรื่องราวอันทรงคุณค่า เพราะมันได้แรงบันดาลใจมาจากรูปแบบการตกแต่งภายในบ้านพักของครอบครัว Louis Vuitton ในอาส์นิแยร์ และสถานที่สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมด้านงานช่างฝีมือของเมซง และยังเป็นรูปทรงโค้งที่ชวนให้นึกถึงความงามของปรากฏการณ์ธรรมชาติ เพราะถ้าสังเกตเส้นขอบรอบนอกที่ล้อมกรอบหน้าต่างไว้ เราจะเห็นว่าแลดูคล้ายกับกลุ่มก้อนเมฆ แต่ละครั้งที่ตัวเลขกระโดดเปลี่ยนตำแหน่งแทนค่าเวลาที่ผ่านเลยไปจึงเป็นเหมือนลำแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านกลุ่มเมฆในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน

ตัวเลขอารบิกบนแผ่นดิสก์ทองเหลืองนั้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยเพิ่มเติมกลิ่นอายสไตล์วินเทจลงไปในความมินิมัลที่ดูร่วมสมัย รูปแบบตัวเลขสีน้ำเงินบนแผ่นดิสก์บอกชั่วโมงและนาทีดูอ่อนช้อยด้วยลายเส้นเพรียวบางตวัดปลายหางทำให้แลดูคล้ายกับการอักษรตัวเขียน สีน้ำเงินที่ตัดกับแผ่นดิสก์ทองเหลืองเคลือบ 4N กัลวานิกที่ให้สีทองเปล่งปลั่ง และแพลตินัมเคลือบโรเดียมที่ดูเงางามทำให้ อ่านค่าได้ง่าย และยังเป็นการจับคู่สีที่ดูคลาสสิก เราชอบตรงที่แต่ละหลักชั่วโมงมีเส้นขีดแบ่งชัดเจน ซึ่งเป็นการออกแบบที่คำนึงถึง ผู้สวมใส่ในการอ่านค่าเวลา และยังช่วยเติมเส้นสายซึ่งช่วยให้ตัวเลขแต่ละหลักมีขอบเขตที่แน่ชัด
การอ่านค่าเวลาตามขนบนาฬิกา jump hour ไม่มีอะไรยุ่งยาก เพียงแค่ดูตัวเลขแสดงค่าเวลาและนาทีจากหน้าต่างทรงโค้งขนาดเล็กเพียงสองช่อง ช่องบนแสดงหน่วยชั่วโมง ช่องล่างทำหน้าที่แสดงหน่วยนาที ระหว่างช่องหน้าต่างทรงโค้งทั้งสองถูกคั่นกลางด้วยรูปทรงข้าวหลามตัด ซึ่งนับเป็นการออกแบบเพื่อเอื้อในการอ่านค่าเวลาได้อย่างแยบยล เพราะปลายข้าวหลามตัดด้านบนจะชี้ไปที่ตัวเลขบอกชั่วโมง ส่วนปลายแหลมด้านล่างจะชี้ตรงกับค่านาที ณ เวลานั้นพอดี
แต่สิ่งที่เป็นซิกเนเจอร์เฉพาะของ Tambour Convergence นั้นไม่ได้อยู่แค่ดีไซน์ แต่การเคลื่อนไหวเปลี่ยนตำแหน่งของหลักชั่วโมงและนาทียังมีลีลาเฉพาะตัวที่เรียกว่า ‘Dragging hour and minute’ หรือ ‘การแสดงค่าชั่วโมงและนาทีแบบลาก’ อาจจะฟังดูชวนสงสัยว่า การเดินแบบ ‘ลาก’ นั้นเป็นอย่างไร แต่ถ้าจะให้อธิบายให้เห็นลีลาการเคลื่อนไหวของแผ่นดิสก์บอกชั่วโมงในลักษณะนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น คงเปรียบได้ว่านาฬิกา jump hour ตามปกติ หลักตัวเลขต่างๆ จะเคลื่อนไหวแบบ ‘กระโดด’ ซึ่งตัวเลขจะเคลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็วฉับพลันเหมือนกับการกระโดดจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ต่างจากการเดินแบบ ‘ลาก’ ที่ตัวเลขจะเปลี่ยนตำแหน่งอย่างค่อยเป็นค่อยไป เหมือนการเดินอย่างเนิบช้าแต่แน่วแน่และสง่างาม ซึ่งการเดินในลักษณะดังกล่าวอาจจะไม่ได้ส่งผลต่อความเที่ยงตรง แต่ต้องยอมรับว่าส่งผลในเชิงสุนทรียะในยามที่เราเห็นแผ่นดิสก์หลักชั่วโมงหมุนเคลื่อนตัวอย่างราบรื่น
กลไกใหม่จาก La Fabrique du Temps
ในเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่เมซงเลือกรังสรรค์นาฬิกา jump hour มาไว้ในคอลเลกชัน ดังนั้นในเชิงกลไกย่อมต้องพัฒนาขึ้นใหม่ด้วยแหล่งผลิต อินเฮาส์ที่เชื่อมือได้อย่าง La Fabrique du Temps ซึ่งได้สร้างสรรค์กลไกอัตโนมัติคาลิเบอร์ LFT MA01.01 ซึ่งขับเคลื่อนฟังก์ชันบอกเวลาที่เดินด้วยความถี่ 4 เฮิรตซ์ และสำรองพลังงานได้ 45 ชั่วโมง ด้วยแรงเหวี่ยงของโรเตอร์ทำจากโรสโกลด์ 18K ที่ส่งมอบพลังงานที่เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน บาลานซ์แบบ Free-Sprung ที่มาพร้อมบล็อก แรงเฉื่อยความแม่นยำสูงยังทำให้มั่นใจได้ในความเที่ยงตรง

ไม่เพียงแต่ประสิทธิภาพของกลไกที่ได้รับพัฒนาให้ทำงานได้อย่างราบรื่น การตกแต่งพื้นผิวกลไกแต่ละชิ้นส่วนยังรังสรรค์ขึ้นโดยคำนึงถึงสุนทรียะในทุกมุม โรเตอร์โรสโกลด์ 18K ขอบขัดเงา และดีไซน์โค้งเว้า เป็นรูปตัว V ผิวสะพานจักรได้รับการขัดแต่งผิวช่วงขอบแบบ ไมโครแซนด์บลาสต์ รวมถึงรายละเอียดอย่างชิ้นส่วนคลิกของตลับลานที่ออกแบบให้โค้งเว้าอย่างงดงาม ยิ่งส่งเสริมให้กลไกคาลิเบอร์ LFT MA01.01. ดูประณีตในทุกองค์ประกอบ ซึ่งชิ้นส่วนกลไกเหล่านี้ เผยให้เห็นผ่านฝาหลังใสให้ชื่นชมรายละเอียดได้อย่างเต็มอิ่ม นับเป็น อีกหนึ่งกิมมิกที่นำมาตัดกับความเรียบเนี้ยบด้านหน้าได้อย่างมีชั้นเชิง
Louis Vuitton Tambour Convergence จึงนับเป็นก้าวใหม่ของเมซงที่มุ่งมั่นพัฒนาไลน์เรือนเวลาอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะนี่คือนาฬิกาที่แสดงความเชี่ยวชาญอย่างครบถ้วนทุกด้าน และยังแสดงถึงความ กล้าหาญในการนำเสนอวิธีการบอกเวลาในรูปแบบที่ไม่เดินตามขนบ แต่ในขณะเดียวกัน นี่คือการแสดงความเคารพในกลไกจากอดีตกาล ภายใต้รูปโฉมที่ถูกปรับให้อยู่ร่วมกับบริบทปัจจุบันได้อย่างกลมกลืน


ข้อมูลทางเทคนิค
- รหัส: W9PG11, W9PT11
- กลไก: ไขลานอัตโนมัติคาลิเบอร์ LFT MA01.01 สำรองพลังงานได้ 45 ชั่วโมง
- ความถี่: 28,800 ครั้งต่อชั่วโมง/3 เฮิรตซ์
- ฟังก์ชัน: บอกชั่วโมงและนาทีแบบลาก
- ตัวเรือน: พิงก์โกลด์ 18K และแพลตินัมฝังเพชรขนาด 17.1 กะรัต จำนวน 795 เม็ด
- แผ่นดิสก์บอกเวลา: ทองเหลืองขัดซาตินด้วยมือ เคลือบ 4N กัลวานิก ตัวเลขอารบิก สีน้ำเงิน หรือทองเหลืองขัดซาตินด้วยมือ เคลือบโรเดียม
- สาย: หนังลูกวัวสีน้ำตาลคาเมลพร้อมตัวล็อกแบบหัวเข็มขัดทำจาก พิงก์โกลด์พิมพ์โลโก้ หรือหนังลูกวัวสีน้ำเงินพร้อมตัวล็อก แพลตินัมพิมพ์โลโก้
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

