Grand Seiko Elegance GMT สองเรือนเวลาใหม่ ‘Snowdrop’ และ ‘Moondrop’ ถ่ายทอดความงดงามของฤดูกาลญี่ปุ่น
ถ้าพูดถึงตัวเลขบนหน้าปัดอาจเปรียบได้เหมือนกับบทกวีอันเงียบสงบที่เผยผ่านการเปลี่ยนผ่านอย่างอ่อนโยนของธรรมชาติ ภายใต้แรงบันดาลใจจากจังหวะอันละเมียดละไมของฤดูกาลในญี่ปุ่น Grand Seiko ได้รังสรรค์สองเรือนเวลาใหม่ล่าสุดในคอลเลกชัน Elegance เพื่อถ่ายทอดความงดงามของการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ นาฬิกา GMT ระบบกลไกสองรุ่นนี้ ได้แก่ “Snowdrop” SBGM255 และ “Moondrop” SBGM257 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ Grand Seiko ในด้านความเที่ยงตรง งานฝีมืออันประณีต และศิลปะแห่งการทำนาฬิกาแบบญี่ปุ่นอย่างแท้จริง

‘Snowdrop’ SBGM255: แสงสะท้อนของหิมะละลายในฤดูใบไม้ผลิ
เริ่มที่เรือนแรก “Snowdrop” SBGM255 คือนาฬิกา GMT ระบบกลไกแบบคลาสสิกที่นำเสนอภาพของหิมะที่กำลังละลายใต้แสงแดดอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ เมื่อความหนาวเย็นของฤดูหนาวผ่านไป และความอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิมาเยือน หิมะที่ละลายจะก่อตัวเป็นหยดน้ำที่ส่องประกายระยิบระยับท่ามกลางแสงแดดจ้า SBGM255 จับช่วงเวลาที่มีความหมายนี้ไว้บนหน้าปัด ด้วยลวดลายเกลียวเรขาคณิตอันทันสมัย หน้าปัดจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปตามมุมของแสงที่ตกกระทบ เลียนแบบการหักเหของแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิที่ส่องผ่านหิมะละลาย ลวดลายอันซับซ้อนนี้ไม่เพียงแต่เสริมสร้างความสง่างาม ยังเข้ากันอย่างลงตัวกับตัวเรือนที่ขัดเงาด้วยเทคนิค Zaratsu และกลไก GMT ความเที่ยงตรงสูง Caliber 9S66 กลไกนี้มีชื่อเสียงด้านความแม่นยำ ความน่าเชื่อถือ และความงดงาม สามารถแสดงเวลาสองไทม์โซนได้พร้อมกัน ด้วยเข็ม GMT สีน้ำเงินที่ได้จากการผ่านความร้อนที่อุณหภูมิสูงมาก ซึ่งมอบมิติที่ชัดเจนบนหน้าปัด การปรับตั้งเวลาท้องถิ่นก็เป็นไปอย่างง่ายดายและเป็นธรรมชาติ เพียงแค่ดึงเม็ดมะยมออกมาอยู่ในตำแหน่งแรกเพื่อปรับทีละหนึ่งชั่วโมง และสามารถสำรองพลังงานได้นานประมาณสามวัน ตัวเรือนทรงกลมได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับจิตวิญญาณของ Grand Seiko เรือนแรกในปี 1960 ผสมผสานความสง่างามแบบคลาสสิกและความประณีตแบบร่วมสมัย ขาตัวเรือนเผยให้เห็นแนวลาดอันซับซ้อนที่กว้างขึ้นตรงปลาย เน้นย้ำพื้นผิวกระจกที่ปราศจากความบิดเบือนและเส้นสันอันละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นผลงานของการขัดเงาแบบ Zaratsu


‘Moondrop’ SBGM257: หยาดน้ำค้างใต้แสงจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง
ในทางตรงกันข้าม รุ่น “Moondrop” SBGM257 นั้นถ่ายทอดความงามของหยาดน้ำค้างที่ส่องประกายภายใต้แสงจันทร์อันนุ่มนวลในฤดูใบไม้ร่วง เมื่อแสงจันทร์อันนวลตาเติมเต็มท้องฟ้า หยดน้ำค้างจะสะท้อนแสงนั้นอย่างระยิบระยับ สำหรับรุ่น SBGM257 จะจับภาพความพิเศษนี้ผ่านหน้าปัดสีน้ำเงินเข้มที่มีพื้นผิวละเอียดอ่อน เช่นเดียวกับ “Snowdrop” หน้าปัดลวดลายเกลียวเรขาคณิตแบบโมเดิร์นของ “Moondrop” ก็เปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ไปตามมุมของแสง ชวนให้นึกถึงประกายของหยดน้ำค้างใต้แสงจันทร์ ลวดลายที่ละเอียดนี้สร้างโครงสร้างอันสง่างาม และเข้ากันได้ดีกับตัวเรือนขัดเงาด้วย Zaratsu และกลไก Caliber 9S66 GMT กลไก GMT ที่เที่ยงตรงและน่าเชื่อถือนี้ สามารถแสดงเวลาสองไทม์โซนได้พร้อมกัน โดยใช้เข็ม GMT สีทอง ที่สร้างความตัดกันอย่างโดดเด่นกับหน้าปัดสีน้ำเงินเข้ม ผู้สวมใส่ยังสามารถปรับเวลาท้องถิ่นได้ทีละหนึ่งชั่วโมงด้วยเม็ดมะยมในตำแหน่งแรก และมีพลังงานสำรองประมาณสามวัน ดีไซน์ตัวเรือนทรงกลมยังคงสะท้อนจิตวิญญาณของ Grand Seiko รุ่นแรกในปี 1960 ด้วยความสง่างามแบบคลาสสิกที่ผสานความประณีตสมัยใหม่ ขาตัวเรือนที่มีแนวลาดซับซ้อนซึ่งกว้างขึ้นตรงปลาย ช่วยเน้นพื้นผิวที่ขัดเงาแบบ Zaratsu จนปราศจากการบิดเบือน และเส้นสันที่ละเอียดอ่อน ความแวววาวของตัวเรือนที่สร้างสรรค์โดยช่างฝีมือผู้มีทักษะ ได้เพิ่มความคมคายให้กับความงามแบบคลาสสิก ทำให้ทั้งสองรุ่นนี้มีดีไซน์ที่ทั้งสง่างามและเปี่ยมด้วยความประณีต

สำหรับ Grand Seiko ที่ได้เปิดตัวนาฬิกา GMT ระบบกลไกสองรุ่นใหม่ในคอลเลกชัน Elegance คือ SBGM255 “Snowdrop” และ SBGM257 “Moondrop” ซึ่งทั้งสองรุ่นล้วนได้รับแรงบันดาลใจจากการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาลในญี่ปุ่น โดยที่ SBGM255 สื่อถึงแสงสะท้อนของหิมะละลายในฤดูใบไม้ผลิ ขณะที่ SBGM257 นั้นสื่อถึงประกายของหยาดน้ำค้างใต้แสงจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง ทั้งสองรุ่นใช้กลไก Caliber 9S66 GMT ที่สามารถแสดงเวลาสองไทม์โซนได้ มีพลังงานสำรองสามวัน และโดดเด่นด้วยหน้าปัดลวดลายเกลียวเรขาคณิตที่เล่นกับแสง ตัวเรือนทรงกลมถูกขัดเงาด้วยเทคนิค Zaratsu โดยมีดีไซน์ที่ยกย่องจิตวิญญาณของ Grand Seiko เรือนแรกในปี 1960


สิ่งที่ได้เห็นผ่านมุมมองส่วนตัว มองว่า Grand Seiko ได้ยกระดับการเล่าเรื่องผ่านนาฬิกาไปอีกขั้นด้วยการเชื่อมโยงงานฝีมือเชิงกลไกเข้ากับ ‘บทกวี’ แห่งธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง การที่แบรนด์ได้เลือกใช้ชื่อ “Snowdrop” และ “Moondrop” นั้นมีความละเอียดอ่อนและทรงพลังทางอารมณ์อย่างยิ่ง เพราะการออกแบบหน้าปัดลวดลายเกลียวเรขาคณิตที่เปลี่ยนไปตามมุมแสงไม่ใช่แค่ความสวยงามทางสุนทรีย์เท่านั้น แต่เป็นการจำลองปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ (การหักเหแสงของหิมะละลายหรือหยดน้ำค้าง) ให้เกิดขึ้นบนข้อมือได้อย่างมีชั้นเชิง สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงปรัชญา “The Nature of Time” ของ Grand Seiko ที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มักถูกมองข้าม การผสมผสานระหว่างดีไซน์ตัวเรือนที่สง่างามแบบคลาสสิก (อ้างอิงถึงปี 1960) และเทคนิคการขัดเงา Zaratsu ที่ไร้ที่ติ ยืนยันถึงความสมบูรณ์แบบที่ Grand Seiko มอบให้ในทุกมิติ โดยรวมแล้ว นาฬิกาสองรุ่นนี้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องบอกเวลา แต่เป็นงานศิลปะที่เฉลิมฉลองความงามอันละเอียดอ่อนและเป็นเอกลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่านของฤดูกาลในญี่ปุ่นได้อย่างน่าประทับใจ
ข้อมูลทางเทคนิค (Grand Seiko Elegance GMT)

Grand Seiko Automatic Mechanical GMT ‘Snowdrop’ SBGM255
- แรงบันดาลใจ: แสงสะท้อนของหิมะที่กำลังละลายภายใต้แสงแดดอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิ
- เข็ม GMT: สีน้ำเงินจากการผ่านความร้อนที่อุณหภูมิสูง
- ตัวเรือน: ทรงกลม ดีไซน์สะท้อนรุ่นแรกปี 1960 ขัดเงาด้วยเทคนิค Zaratsu
- หน้าปัด: สีขาว/เงิน ลวดลายเกลียวเรขาคณิตโมเดิร์น
- ฟังก์ชั่น: GMT (แสดงสองไทม์โซน) พร้อมฟังก์ชันปรับตั้งเวลาท้องถิ่นทีละหนึ่งชั่วโมง
- กลไก: Caliber 9S66 GMT ระบบกลไกอัตโนมัติ สำรองพลังงานประมาณ 3 วัน
Grand Seiko Automatic Mechanical GMT ‘Moondrop’ SBGM257
- เข็ม GMT: สีทอง
- แรงบันดาลใจ: ความงามของหยาดน้ำค้างที่เปล่งประกายภายใต้แสงจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง
- ตัวเรือน: ทรงกลม ดีไซน์สะท้อนรุ่นแรกปี 1960 ขัดเงาด้วยเทคนิค Zaratsu
- หน้าปัด: สีน้ำเงินเข้ม มีพื้นผิวละเอียดอ่อน ลวดลายเกลียวเรขาคณิตโมเดิร์น
- ฟังก์ชั่น: GMT (แสดงสองไทม์โซน) พร้อมฟังก์ชันปรับตั้งเวลาท้องถิ่นทีละหนึ่งชั่วโมง
- กลไก: Caliber 9S66 GMT ระบบกลไกอัตโนมัติ สำรองพลังงานประมาณ 3 วัน

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
ประวัติโดยย่อของทูร์บิญอง (Tourbillon)
Citizen เผยโฉม Series8 880 GMT และ 890 รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น แรงบันดาลใจจากความงามของทิวทัศน์เมืองในญี่ปุ่น
จากแฟชั่นเฮาส์สู่ผู้สร้างสรรค์เวลา นิยามที่ถูกตีความใหม่ผ่านเส้นสาย แสง และเงาผ่านเรือนเวลา Hermès Cut

