จากดินแดนที่มีรากฐานอันยาวนานด้านศิลปะและวัฒนธรรม
WORDS: Lee Sheng | Aug 22, 2025
แปลและเรียบเรียงโดย: Chakhriya. S
ประเทศจีนมีหนึ่งในขนบธรรมเนียมทางศิลปะที่ยืนยงและเปี่ยมไปด้วยคุณค่าที่สุดในโลก ซึ่งสามารถถ่ายทอดได้ทั้งจินตนาการและความเป็นจริงผ่านงานทัศนศิลป์ ตั้งแต่ภาพสลักบนกระดูกทำนาย (oracle bones) และภาชนะสำริดในยุคแรกเริ่ม ไปจนถึงฝีแปรงอันประณีตบนผ้าไหมและกระดาษ ภาพวาดจีนนอกจากจะสื่อถึงแค่โลกทางกายภาพ ยังรวมถึงแง่มุมทางปรัชญาและบทกวีของชีวิตด้วย
เช่นเดียวกับอารยธรรมโบราณหลายแห่ง จีนเริ่มต้นการวาดภาพสิ่งรอบตัวเมื่อหลายพันปีก่อน แต่สิ่งที่ทำให้ศิลปะจีนแตกต่างคือวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของเทคนิค สุนทรียศาสตร์ และความหมายทางวัฒนธรรม ตลอดหลายราชวงศ์ ภาพวาดจีนยังคงเป็นประเพณีที่มีชีวิต ได้รับการตีความใหม่ในทุกยุคสมัยด้วยความหมายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งยังคงยึดมั่นในค่านิยมหลักเรื่องความกลมกลืนและความสมดุลเสมอ
จีนมีประเพณีการทำนาฬิกาลงยาเป็นของตัวเองหรือไม่?
ขนบธรรมเนียมทางศิลปะนี้นอกจากจะดำรงอยู่ในหมู่บัณฑิตแล้ว ยังรวมอยู่ในจังหวะของชีวิตประจำวันด้วย ไม่ว่าจะเป็น ภาพวาดและการเขียนพู่กันประดับอยู่บนผนัง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร และของใช้ในบ้านที่ธรรมดาที่สุด สิ่งของเหล่านี้ล้วนไม่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงของที่มีประโยชน์ เพราะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อบรรจุความงาม เรื่องเล่า และฝีมือช่างไว้ในตัว ถ้าลองเดินเล่นในเมืองเก่าแก่หรือเปิดดูหนังสือเกี่ยวกับวัฒนธรรมจีน แล้วจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าศิลปะถูกถักทอเข้ากับชีวิตประจำวันอย่างลึกซึ้งเพียงใด
การผสมผสานงานฝีมือเข้ากับชีวิตประจำวันสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดหลักของสุนทรียศาสตร์จีนที่ว่า “ความงามควรอยู่ในพื้นที่ที่ชีวิตดำเนินไป” โต๊ะเขียนหนังสือ โต๊ะอาหาร หรือแม้แต่ส่วนโค้งของถ้วยชา ล้วนกลายเป็นพื้นที่สำหรับการแสดงออกทางศิลปะ ศิลปะไม่เคยเป็นสิ่งที่ห่างไกลหรือเป็นนามธรรม กลับเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราตลอดเวลา คอยหล่อหลอมวิธีที่ผู้คนรับรู้โลกใบนี้

ที่น่าสนใจที่สุดคือ ศิลปะของจีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่การใช้พู่กันและหมึกเท่านั้น ทว่ายังขยายไปถึงเครื่องเคลือบ ซึ่งการวาดภาพถูกผสานเข้ากับเทคนิคการเผาเพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่คงทนตลอดกาล แตกต่างจากภาพวาดบนกระดาษ ผลงานเหล่านี้สามารถทนต่อความชื้น อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง และกาลเวลาที่ผ่านไป การผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญทางเทคนิคและวิสัยทัศน์ทางศิลปะนี้ ทำให้จีนมีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องเคลือบ ยังก่อให้เกิดเครื่องลงยาที่วิจิตรงดงามอีกด้วย ของใช้เหล่านี้เดินทางไปไกลเกินขอบเขตของจีน ดึงดูดนักสะสมในต่างประเทศและเป็นแรงบันดาลใจให้วัฒนธรรมอื่น ๆ พัฒนาประเพณีการทำเครื่องเซรามิกที่สดใสและหรูหราของตนเองขึ้นมา
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกา เครื่องเคลือบและเครื่องลงยาอาจเป็นสื่อกลางที่น่าสนใจที่สุดในบรรดางานศิลปะการวาดภาพหลายประเภทของจีน ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานของความเชี่ยวชาญในงานฝีมือเหล่านี้ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะสงสัยว่าศิลปะเดียวกันนี้เคยถูกนำมาใช้ในงานทำนาฬิกาบ้างหรือไม่ สวิตเซอร์แลนด์มีชื่อเสียงในเรื่องหน้าปัดลงยา แต่แล้วจีนล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?

ความจริงแล้ว ช่างทำนาฬิกาชาวจีนก็มีประเพณีการทำเครื่องลงยาที่ลึกซึ้งเช่นกัน มรดกนี้กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งในยุคทศวรรษ 1990 เมื่อนักสะสมเริ่มมองหานาฬิกาพกที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงจากศตวรรษก่อน ๆ ซึ่งหลายเรือนที่ผลิตขึ้นมาเพื่อตลาดจีนโดยเฉพาะเริ่มปรากฏตัวในการประมูลระดับนานาชาติ และได้รับการประเมินมูลค่าสูง ไม่เพียงเพราะกลไกเท่านั้น ยังรวมถึงความงดงามทางศิลปะและความหมายทางวัฒนธรรมด้วย
แม้แต่จักรพรรดิของจีนเองก็หลงใหลในผลงานเหล่านี้ ด้วยอิทธิพลในการกำหนดทิศทางศิลปะของประเทศ พวกเขาจึงก่อตั้งโรงงานทำนาฬิกาขึ้นภายในพระราชวังและรวบรวมช่างฝีมือชั้นครู เพื่อผลิตนาฬิกาพกและนาฬิกาตั้งโต๊ะที่ประดับด้วยเครื่องลงยาและการตกแต่งที่ซับซ้อน
มรดกนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ผลิตนาฬิกาจีนรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวขึ้นมาโดดเด่น ในส่วนถัดไป เราจะมาดูผู้ผลิตร่วมสมัย 5 รายที่สืบสานประเพณีนี้ โดยสร้างสรรค์นาฬิกาหน้าปัดลงยาที่มีคุณภาพแท้จริง ซึ่งหลายเรือนยังคงอยู่ในราคาที่นักสะสมสามารถเข้าถึงได้
แบรนด์เหล่านี้รวมถึงชื่อที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานในท้องถิ่นอย่าง Beijing Watch และแบรนด์น้องใหม่ที่กำลังมาแรงอย่าง Langle Yuan นอกจากนี้ เราจะเน้นไปที่โรงงานเฉพาะทางที่มุ่งเน้นการผลิตนาฬิกาลงยาโดยเฉพาะ และยังผลิตหน้าปัดลงยาให้กับแบรนด์อื่น ๆ ด้วย
Beijing Watch
Beijing Watch Factory ก่อตั้งขึ้นโดยรัฐบาลในปี 1958 และเป็นเสาหลักของอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกาของจีนมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา แบรนด์ได้สร้างชื่อเสียงที่ครอบคลุมตั้งแต่การผลิตนาฬิกาสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันสำหรับตลาดวงกว้าง ไปจนถึงการสร้างสรรค์ผลงานระดับสูงที่มีกลไกซับซ้อน เช่น tourbillons และ minute repeaters

ปรัชญาเดียวกันนี้ยังคงสืบทอดมายังผลงานการสร้างสรรค์นาฬิกาหน้าปัดลงยาของแบรนด์ ซึ่งมีตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทุกงบประมาณ Beijing Watch ได้เข้าสู่วงการนี้ด้วยการประกาศอย่างชัดเจนในปี 2007 เมื่อได้ร่วมมือกับ Xiong Enamel เพื่อสร้างสรรค์นาฬิกาลงยาเรือนแรกของแบรนด์
นาฬิกาเปิดตัวรุ่นนี้มีชื่อที่สละสลวยว่า “Butterflies in Love with Flowers” (ผีเสื้อหลงรักดอกไม้) ซึ่งตั้งชื่อตามบทกวีในสมัยราชวงศ์ซ่ง เป็นนาฬิกาตูร์บิญองที่มีทั้งหน้าปัดลงยาและสะพานกลไกที่ด้านหลังก็ทำจากลงยาเช่นกัน นาฬิการุ่นนี้ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 3 เรือน และได้เปิดตัวที่งาน Baselworld 2007 ซึ่งนับเป็นการก้าวเข้าสู่งานศิลปะการลงยาอย่างยิ่งใหญ่

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา Beijing Watch ก็ได้ผลิตนาฬิกาลงยาระดับไฮเอนด์ออกมามากมาย ซึ่งหลายรุ่นเปิดให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งเองได้ นอกจากนี้ ยังมีรุ่นที่เรียบง่ายกว่าอย่างนาฬิกาบอกเวลาอย่างเดียวที่มีหน้าปัดลงยาที่หลากหลายอย่างน่าทึ่ง ทั้งหน้าปัดลงยาบน guilloché (ลายแกะสลัก) และแม้แต่การลงยาแบบ cloisonné ซึ่งมีราคาต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 110,000 บาท) นาฬิกาในราคาที่เข้าถึงได้เหล่านี้เป็นประตูที่เปิดกว้างให้ผู้เริ่มต้นได้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำนาฬิกาลงยา


Tan Zehua
แม้ว่ายังมีแบรนด์ใหญ่อย่าง Seagull และ Fiyta ที่ผลิตหน้าปัดลงยา แต่เราจะหันมาให้ความสนใจกับวงการช่างอิสระ ซึ่งหนึ่งในผู้บุกเบิกคนสำคัญคือ Tan Zehua ช่างทำนาฬิกาที่มีความทุ่มเทเป็นพิเศษให้กับงานลงยา

นาย Tan Zehua เกิดในปี 1953 ในครอบครัวช่างทำนาฬิกา เขาใช้เวลาหลายสิบปีทำงานในโรงงาน ก่อนจะเปิดร้านซ่อมนาฬิกาของตัวเอง จากนั้นจึงผันตัวมาเป็นช่างอิสระเต็มตัว
สิ่งที่แตกต่างจากช่างคนอื่นที่มักจะใช้กลไกสำเร็จรูปคือ นาย Tan เป็นผู้ออกแบบกลไกของตัวเอง โดยผสมผสานบทเรียนจากโครงสร้างนาฬิกาวินเทจเข้ากับแรงบันดาลใจจากช่างชั้นครูร่วมสมัย กลไกของเขาได้รับการตกแต่งอย่างประณีต และเขายังได้พัฒนาและจดสิทธิบัตรกลไกจักรกรอก (escapement) ที่เรียกว่า Di-Axial อีกด้วย
ความทุ่มเทนี้ยังขยายไปถึงงานลงยา นาฬิกาบอกเวลาของเขาหลายรุ่นมีภาพวาดลงยาขนาดเล็ก ซึ่งเป็นผลงานที่สร้างสรรค์ร่วมกับโรงงาน Koncise ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเราจะมาเจาะลึกกันในรายละเอียดอีกครั้งในลำดับต่อไป
Xiong Enamel
ในประเทศจีน มีโรงงานเฉพาะทางสองแห่งที่มุ่งเน้นการผลิตหน้าปัดลงยาโดยเฉพาะ (ซึ่งไม่ควรสับสนกับโรงงานอื่น ๆ ที่ผลิตแจกันและของตกแต่ง) และ Xiong Enamel ก็เป็นหนึ่งในนั้น
โรงงานแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โดย Xiong Songtao ซึ่งสืบทอดมรดกจากตระกูลที่สืบทอดกันมาถึงสามรุ่น คุณปู่ของเขาเคยทำงานในโรงงานหลวงที่ผลิตงานลงยาแบบ cloisonné หรือที่รู้จักกันในชื่อ Jingtailan ในขณะที่พ่อของเขาได้ก่อตั้งโรงงาน Jingtailan ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงปักกิ่ง และในปัจจุบัน Xiong ได้เปลี่ยนมาเน้นการลงยาขนาดเล็กสำหรับเครื่องประดับและนาฬิกา

โรงงาน Xiong Enamel ตั้งอยู่ในฟาร์มเฮาส์ที่ถูกดัดแปลงเป็นโรงงานในทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงปักกิ่ง แม้สถานที่ดูเรียบง่าย แต่ผลงานที่ออกมานั้นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
โรงงานแห่งนี้มีความเชี่ยวชาญในเทคนิค 3 แบบ ได้แก่ champlevé, cloisonné และการวาดภาพลงยาขนาดเล็ก โดยเทคนิค cloisonné ถือเป็นงานซิกเนเจอร์ที่โดดเด่นของที่นี่
งาน cloisonné ของ Xiong นั้นแตกต่างด้วยความละเอียดของเส้นลวด ซึ่งบางได้ถึง 0.04 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ Patek Philippe ที่ระบุบนเว็บไซต์ว่าใช้เส้นลวด cloisonné หนาไม่ถึง 0.5 มิลลิเมตร นั่นหมายความว่าผลงานของ Xiong มีเส้นลวดที่ละเอียดกว่าเกือบสิบเท่า
ผลงาน cloisonné ของ Xiong ทั้งที่ใช้ลวดทองและลวดเงิน ได้รับการนำไปใช้ในงานสั่งทำพิเศษจากแบรนด์ใหญ่มากมาย รวมถึงนาฬิการุ่น Butterflies in Love with Flowers ของ Beijing Watch และซีรีส์ Shenzhou ของ Fiyta นอกจากนี้ การวาดภาพลงยาขนาดเล็กก็เป็นอีกหนึ่งความถนัดของเขาด้วย สำหรับงานแต่งงานของตัวเอง Xiong ยังได้สั่งทำนาฬิกาคู่จาก Beijing Watch และลงหน้าปัดด้วยตัวเอง เพื่อมอบเป็นของขวัญสำหรับเขาและภรรยาอีกด้วย
จากบทสัมภาษณ์พบว่า โรงงานแห่งนี้สามารถผลิตหน้าปัดลงยาแบบ cloisonné หรือแบบภาพวาดขนาดเล็กได้เพียงประมาณเดือนละหนึ่งชิ้น ซึ่งแต่ละชิ้นต้องผ่านการเผาถึง 15-20 ครั้ง
อย่างไรก็ตาม งานลงยาแบบ champlevé ช่วยให้ผลิตได้มากขึ้น โดยการแกะสลักฐานด้วยเครื่องจักรก่อนที่จะนำมาลงยาด้วยมือ ทำให้โรงงานสามารถผลิตหน้าปัดได้ระหว่าง 30 ถึง 50 ชิ้นต่อเดือน


Koncise
Koncise คืออีกหนึ่งโรงงานผลิตหน้าปัดลงยาที่สำคัญในประเทศจีน ซึ่งผลงานของพวกเขาเป็นที่รู้จักของนักสะสมหลายคน บริษัทแห่งนี้ผลิตหน้าปัดลงยาทั้งแบบไฮเอนด์และแบบที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า เช่น หน้าปัดที่ผลิตให้กับแบรนด์ Atelier Wen
ต่างจาก Xiong Enamel ตรงที่ Koncise ไม่ได้อาศัยการสืบทอดจากตระกูลที่ยาวนาน แต่ก่อตั้งขึ้นใหม่โดย Kong Lingjun ผู้ซึ่งเชื่อมั่นว่าประเทศจีนมีความสามารถในการผลิตนาฬิกาข้อมือที่มีคุณภาพทัดเทียมกับสวิตเซอร์แลนด์ได้

นาย Kong ทุ่มเทเวลาหลายปีและเงินหลายล้านดอลลาร์ไปกับการผลิตชิ้นส่วนนาฬิกาและงานลงยา ปัจจุบัน Koncise นอกเหนือจากการเป็นเพียงผู้ผลิตและผู้จำหน่ายหน้าปัดลงยาชั้นนำแล้ว ยังเป็นแบรนด์นาฬิกาของตัวเองอีกด้วย โดยผลิตเฉพาะนาฬิกาลงยาเท่านั้น

ความสำเร็จนี้ส่วนหนึ่งมาจากความเชี่ยวชาญที่นาย Kong สามารถดึงดูดเข้ามาได้ เขาได้ชักชวนช่างฝีมือระดับปรมาจารย์สองท่านจาก Beijing Enamel Factory ซึ่งเป็นสถาบันที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1956 โดยการรวมตัวของโรงงานเอกชนหลายสิบแห่งและโรงงานหลวงในอดีต ให้มาร่วมงานกับเขา ด้วยประสบการณ์กว่า 30-50 ปีในงานลงยาแบบ cloisonné พวกเขาได้วางรากฐานให้กับมาตรฐานของ Koncise
สิ่งที่น่าชื่นชมไม่แพ้กันคือแนวทางการจ้างงานของ Koncise นาย Kong ได้ให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการจ้างงานผู้พิการ จากพนักงานเกือบ 100 คน มากกว่า 90% มีความบกพร่องทางการได้ยินหรือร่างกาย ยกเว้นมือที่ได้รับการฝึกฝนให้สร้างสรรค์หน้าปัดลงยาที่มีคุณภาพเป็นเลิศ
คุณภาพดังกล่าวไม่เคยถูกมองข้าม ผลงานของ Koncise สองชิ้นได้รับการจัดซื้อโดย Musée international d’horlogerie ในสวิตเซอร์แลนด์ และผลงานอื่น ๆ ก็อยู่ในคอลเลกชันของตระกูล Rockefeller และนักธุรกิจระดับมหาเศรษฐีของฮ่องกงอย่าง Li Ka-shing ล่าสุด Koncise ยังได้เป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับ Palace Museum ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นการยอมรับที่เน้นย้ำถึงความสำคัญทางวัฒนธรรมและชื่อเสียงในระดับสากลของบริษัท

Langle Yuan
ในขณะที่ชื่อเสียงมักตกอยู่กับโรงงานขนาดใหญ่ แต่ก็มีแบรนด์อิสระรุ่นใหม่อย่าง Langle Yuan ซึ่งก่อตั้งโดยช่างทำนาฬิการุ่น Gen Z ที่น่าจับตามองเช่นกัน แม้จะยังเป็นแบรนด์เฉพาะกลุ่ม แต่เสน่ห์ของแบรนด์นี้อยู่ที่คุณภาพของงานลงยาที่จับคู่กับดีไซน์ที่ดูเรียบง่าย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของผลงานแต่ละชิ้น

แบรนด์นี้ยังมีความพิถีพิถันเป็นพิเศษเกี่ยวกับเนื้อสีลงยา โดยมีการทดลองนับครั้งไม่ถ้วนกว่าจะได้โทนสีที่เหมาะสม และผลลัพธ์ที่ได้ก็ชัดเจนในตัวของมันเอง สีสันดูเข้มข้นแต่ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป ให้ความรู้สึกสงบและเป็นธรรมชาติ ถือเป็นความสำเร็จในเรื่องความสมดุล เพราะผลงานไม่ได้โอ้อวดเทคนิค กลับสะท้อนให้เห็นถึงความสุขุมและความซับซ้อนที่ลุ่มลึก
สิ่งที่อาจสร้างความประหลาดใจที่สุดสำหรับผู้อ่านคือราคาที่เข้าถึงได้ นาฬิการุ่นบอกเวลาอย่างเดียวที่มีการลงยาแบบ cloisonné และภาพวาดลงยาขนาดเล็ก มีราคาเพียงประมาณ 1,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 55,000 บาท) ซึ่งไม่ใช่แค่หน้าปัดลงยาแบบทั่วไป นาฬิกาเหล่านี้มาพร้อมการแสดงเวลาที่ชาญฉลาดผ่านช่องหน้าต่างรูปพัดที่ผสานเข้ากับหน้าปัดได้อย่างลงตัว ทำให้เป็นทางเลือกที่ดูมีสุนทรียภาพมากกว่าเข็มชั่วโมงและนาทีแบบปกติ ส่วนกลไกที่ใช้ก็อ้างอิงจาก Sellita

สำหรับผู้ที่กำลังมองหานาฬิกาที่มีความซับซ้อนมากขึ้น แบรนด์นี้ก็ยังมีรุ่นไฮเอนด์ที่มาพร้อมกลไกตูร์บิญอง (tourbillon) ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่าแม้จะเป็นแบรนด์ใหม่ ก็สามารถมอบทั้งความสวยงามและศักยภาพทางเทคนิคได้อย่างยอดเยี่ยม
Bonus round: Celadon HH
วงการการผลิตนาฬิกาของจีนเต็มไปด้วยผู้ที่มีพรสวรรค์ ตั้งแต่งานลงยา งานแกะสลัก ไปจนถึงการวาดภาพขนาดเล็ก ประเทศนี้มีช่างฝีมือที่มีทักษะสูงอย่างล้นหลาม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประเพณีอันยาวนานในการทำเครื่องลงยา เครื่องเคลือบ เครื่องปั้นดินเผา และการวาดภาพ
จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่สภาพแวดล้อมเช่นนี้เอื้อต่อการร่วมมือกันเป็นอย่างดี โดยที่แบรนด์อิสระหรือบุคคลทั่วไปสามารถทำงานร่วมกับช่างฝีมือโดยตรงเพื่อสร้างสรรค์แนวคิดที่ไม่เหมือนใครให้กลายเป็นความจริง ซึ่งผู้เขียนเองก็เพลิดเพลินกับการทำเช่นนี้ โดยเคยสั่งทำชุดกาน้ำชาและถ้วยดินเผาอี้ชิงที่แกะสลักภาพวาดประวัติศาสตร์ที่ชื่นชอบ
การปฏิบัติเช่นนี้ยังขยายมาถึงวงการนาฬิกาด้วย โดยที่นักสะสมบางครั้งจะสั่งทำนาฬิกาลงยาแบบพิเศษที่มีเพียงเรือนเดียว และหนึ่งในตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมที่สุดของแนวทางนี้คือ Celadon HH

แม้ว่าจะไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ Celadon HH มีฐานอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ แบรนด์นี้ได้สร้างชื่อเสียงจากการสั่งทำผลงานจากช่างทำนาฬิกาอิสระ เช่น Lin Yonghua และ Andersen Genève รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านการลงยาอย่าง Xiong Enamel
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผลงานที่เปิดตัวของแบรนด์มีความประณีตยิ่งขึ้น แต่ละรุ่นแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและความลุ่มลึกที่มากขึ้น ผลงานล่าสุดอย่างคอลเลกชัน Imperial Four Nobles ได้สะท้อนสุนทรียศาสตร์แบบจีนได้อย่างเป็นธรรมชาติและแท้จริง ตั้งแต่ธีม การจัดวาง ไปจนถึงโทนสี นาฬิกาเหล่านี้แสดงถึงความรู้สึกแบบจีนที่ชัดเจนโดยไม่พึ่งพาการอ้างอิงจากยุโรป และอาจกล่าวได้ว่ามีคุณภาพเหนือกว่าผู้ผลิตบางรายในจีนด้วยซ้ำ
อ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเติม
Ryder Cup เมื่อกอล์ฟเปลี่ยนจากกีฬาของคนคนเดียวเป็นการต่อสู้เพื่อเกียรติยศของทีม
LOUIS ERARD: GALLERIST OF CREATIVES และการท้าทายขนบของ ‘ความหรูหรา’
Piaget กับเบื้องหลังความหรูหราที่เรียบง่าย จากโรงงานเล็ก ๆ สู่ Maison ระดับโลก

